|
|
มังคุด (อังกฤษ: mangosteen) ชื่อวิทยาศาสตร์: Garcinia mangostana Linn.
เป็นพันธุ์ไม้ไม่ผลัดใบเขตร้อนชนิดหนึ่ง เชื่อกันว่ามีถิ่นกำเนิดอยู่ที่หมู่เกาะซุนดาและหมู่เกาะโมลุกกะ
แพร่กระจายพันธุ์ไปสู่หมู่เกาะอินดีสตะวันตกเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 24 แล้วจึงไปสู่ กัวเตมาลา ฮอนดูรัส
ปานามา เอกวาดอร์ ไปจนถึงฮาวาย ในประเทศไทยมีการปลูกมังคุดมานานแล้วเช่นกัน
เพราะมีกล่าวถึงในพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ในสมัยรัชกาลที่ 1 |
|
มังคุดเป็นไม้ยืนต้น สูง 10-12 เมตร ทุกส่วนมียางสีเหลือง ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม
รูปไข่หรือรูปวงรีแกมขอบขนาน กว้าง 6-11 ซม. ยาว 15-25 ซม. เนื้อใบหนาและค่อนข้างเหนียวคล้ายหนัง
หลังใบสีเขียวเข้มเป็นมัน ท้องใบสีอ่อนกว่า ดอกเดี่ยวหรือเป็นคู่ ออกที่ซอกใบใกล้ปลายกิ่ง
สมบูรณ์เพศหรือแยกเพศ กลีบเลี้ยงสีเขียวอมเหลือง กลีบดอกสีแดง ฉ่ำน้ำ ผลเป็นผลสด ค่อนข้างกลม
สีม่วงแดง ยางสีเหลือง มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 4-6 เซนติเมตร เนื้อในมีสีขาวฉ่ำน้ำ
เส้นผ่านศูนย์กลาง 3-5 เซนติเมตร |
|
การใช้ประโยชน์ของมังคุดมาประกอบอาหารบ้าง แต่ไม่มากนัก เช่น มังคุดลอยแก้ว
เปลือกของมังคุดมีสารให้รสฝาด คือแทนนิน แซนโทน (โดยเฉพาะแมงโกสติน) แทนนินมีฤทธิ์ฝาดสมาน
ทำให้แผลหายเร็ว แมงโกสตินช่วยลดอาการอักเสบและมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนองได้ดี |
|
ในทางยาสมุนไพร ใช้เปลือกมังคุดตากแห้งต้มกับน้ำหรือย่างไฟ ฝนกับน้ำปูนใส แก้ท้องเสีย
เปลือกแห้งฝนกับน้ำปูนใส ใช้รักษาอาการน้ำกัดเท้า แผลเปื่อย เปลือกมังคุด
มีสารป้องกันเชื้อราเหมาะแก่การหมักปุ๋ย |
|
ที่มาของข้อมูล : http://th.wikipedia.org ค้นหา “มังคุด” |
|
|
|
โรคน้ำกัดเท้า หรือเชื้อราที่เท้า |
|
โรคน้ำกัดเท้าคืออะไร
โรคน้ำกัดเท้า (Athlete's Foot) หรือฮ่องกงฟุต เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อรา ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันกับเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคขี้กลาก
นั่นคือ เชื้อราในสายพันธ์ Dermatophytes โดยเชื้อราชนิดนี้จะสามารถเจริญเติบโตได้ดีในที่เปียกชื้น เช่น รองเท้าที่ลุยน้ำท่วม
พื้นห้องอาบน้ำ หรือพื้นบริเวณสระว่ายน้ำ เป็นต้น เมื่อเราใส่รองเท้าที่มีเชื้อราชนิดนี้เจริญเติบโตอยู่จะทำให้เกิดโรคน้ำกัดเท้านั่นเอง |
|
นอกจากนี้เชื้อราชนิดนี้ยังสามารถติดเชื้อได้จากการใช้ของร่วมกับผู้อื่น เช่น รองเท้า ถุงน้ำ ผ้าเช็ดตัว เป็นต้น
ซึ่งเชื้อราชนิดนี้สามารถเกิดขึ้นกับอวัยวะในส่วนอื่น ๆ ได้ด้วย |
|
อาการของโรคน้ำกัดเท้า
จะเกิดอาการที่พบได้บ่อยในง่ามนิ้วเท้า โดยอาการในระยะแรกที่ยังไม่มีการติดเชื้อนั้นเท้าจะมีลักษณะเปื่อย แดง
และลอกเพราะเกิดการระคายเคือง แต่ถ้าหากมีอาการคันและเกาจนเกิดเป็นแผลจะมีการอักเสบ และติดเชื้อได้ง่าย
ซึ่งการติดเชื้อจะทำให้เกิดอาการแสบร้อน ปวด แผลเป็นหนอง ผิวเป็นขุย และลอกออกเป็นแผ่นสีขาว อาจมีกลิ่นเหม็นตามซอกเท้า |
|
สาเหตุของโรคน้ำกัดเท้า
- มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือมีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อรา เช่น โรคเบาหวาน เป็นต้น
- การปล่อยให้เท้าเปียกชื้นและสกปรก
- การสวมใส่รองเท้าและถุงเท้าที่อับชื้น
- การสวมรองเท้าที่ไม่ระบายอากาศ ทำให้เท้าร้อนและมีเหงื่อออก
- การเดินเท้าเปล่าในบริเวณที่มีความอับชื้นและเสี่ยงต่อการติดเชื้อรา เช่น ห้องอาบน้ำรวม ห้องล็อกเกอร์ โรงยิม เป็นต้น
- การใช้ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า ถุงเท้า หรือรองเท้าร่วมกับผู้อื่น |
|
การรักษาโรคน้ำกัดเท้า
รักษาเท้าให้สะอาด ล้างเท้าให้สะอาด พยายามเช็ดแผลให้แห้ง ไม่ควรสวมรองเท้าปิด หรือใส่ถุงเท้า เปลี่ยนรองเท้าคู่ใหม่
ที่แห้งและสะอาด
ใช้ครีม หรือขี้ผึ้งกันเชื้อรา หรือโรยแป้งที่เท้าเพื่อไม่ให้เท้าเปียกชื้น
หากแผลติดเชื้อราสามารถรับประทานยาปฏิชีวนะร่วมด้วยได้
ซึ่งหากแผลติดเชื้อจะต้องรับประทานยาติดต่อกันอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์
แต่หากมีอาการรุนแรงควรไปพบแพทย์ |
|
ภาวะแทรกซ้อนของโรคน้ำกัดเท้า
- มือ การเกาหรือสัมผัสเท้าบริเวณที่ติดเชื้อราและไม่ล้างมือให้สะอาดอาจก่อให้เกิดการติดเชื้อราที่มือตามมา
- เล็บเท้า เชื้อราอาจแพร่กระจายไปที่บริเวณเล็บเท้า ซึ่งจะทำให้การรักษาทำได้ยากขึ้น
- ขาหนีบ บริเวณดังกล่าวอาจเกิดการติดเชื้อราจากมือหรือการใช้ผ้าเช็ดตัวที่มีเชื้อราติดอยู่ |
|
ข้อปฏิบัติในการป้องกันน้ำกัดเท้า
- หลีกเลี่ยงการยืนแช่น้ำเป็นเวลานาน
- เมื่อต้องลุยน้ำ ควรสวมถุงพลาสติก หรือสวมถุงดำหุ้มเท้าไว้เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา และป้องกันของมีคมทิ่มแทงเท้า
- หากมีความจำเป็นต้องเดินลุยน้ำโดยไม่ได้สวมถุงพลาสติก เมื่อลุยน้ำแล้วควรรีบทำความสะอาดเท้า และเช็ดเท้าให้แห้ง
โดยเฉพาะบริเวณซอกนิ้วเท้าที่มักจะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค และเกิดการติดเชื้อได้ง่าย
- ไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น เช่น ร้องเท้าแตะ ถุงเท้า ผ้าเช็ดตัว เป็นต้น
- ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรเลี่ยงการลุยน้ำ เพราะหากเกิดแผลจะมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย และรักษาให้หายได้ยากกว่าคนปกติ
- หากเกิดบาดแผลลึกควรรีบทำความสะอาดแผลทันที หรือเข้าใช้บริการที่สาธารณสุขใกล้บ้านเพื่อทำแผล
และหากบาดแผลมีหนอง หรือเกิดการอักเสบควรรีบพบแพทย์ทันที |
|
คัดลอกข้อมูลบางส่วนและเรียบเรียง : http://www.petcharavejhospital.com/en/Article/article_detail/Athlete_Foot
โรงพยาบาลเพชรเวช
คัดลอกข้อมูลบางส่วนและเรียบเรียง : https://www.pobpad.com/เชื้อราที่เท้า |
|
|
|
|
|