|
|
ส่วนประกอบของ นมผึ้ง มีคุณค่าใกล้เคียงกับ เกสรดอกไม้ จากผึ้ง ต่างกันตรงปริมาณคาร์โบไฮเดรต
และวิตามินบีรวม ที่มีมากกว่ารวมถึงปริมาณสารประกอบอื่น เช่น อะซิทิลคอไลน์ ซึ่งมีความสัมพันธ์
ต่อระบบส่งข่าวสารของเส้นประสาททั่วร่างกาย กรดไฮดรอกวี-10-ดีคาโนอิค-2 มีฤทธิ์ต่อต้านแบคทีเรีย
และเชื้อรา สุดท้ายยังมี กรดอะมิโน ที่จำเป็นถึง 8 ชนิดซึ่งร่างกายของเราสร้างเองไม่ได้รวมอยู่ด้วย |
|
เกร็ดความ รู้เกี่ยวกับ นมผึ้ง
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก เมื่อมีข้อสรุปผลการค้นพบว่า นมผึ้ง มีผลต่อการเจริญเติบโตของสัตว์อื่นเมื่อได้
รับอาหารชนิดนี้เข้าไป เมื่อเราพิจารณาถึงขนาดของนางพญาผึ้งซึ่งได้รับการเลี้ยงดูด้วยนมผึ้งนี้
ไม่ว่าจะเป็นแมลงวันผลไม้ สุกร ไก่ ล้วนมีขนาดใหญ่ขึ้น อายุยืนยาวขึ้น และมีภาวะเจริญพันธ์มากขึ้น
เมื่อได้รับการเลี้ยงดูด้วย นมผึ้ง สำหรับมนุษย์มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือได้ว่า นมผึ้ง
ก็ส่งผลเช่นเดียวกันนี้กับมนุษย์เราเช่นกัน และส่งผลได้ตลอดชีวิตเสียด้วย พบว่าเด็กที่เป็น
โรคขาดอาหารมีอาการดีขึ้นภายในเวลาเพียง 2 วันหลังจากได้รับการเลี้ยงดูด้วยผมผึ้ง
เด็กมีน้ำหนัก มากขึ้น และสุขภาพดีขึ้น ผลเช่นเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับเด็กที่โตขึ้นด้วย
รวมทั้งในผู้ใหญ่ สภาวะระบบประสาทและความรับ รู้ทางสมองของคนไข้มั่งคนผู้ป่วย
ที่เป็นโรคกระเพาะอาหาร ลำไส้อักเสบก็ได้รับการเยียวยา เช่นเดียวกับผู้ป่วยด้วยโรคพาร์กินสัน
โรคข้ออักเสบ ลิวคิเมีย และเส้นเลือดแข็งตัว นมผึ้งได้ข่วยให้สตรีวัยหมดประจำเดือน
สามารถผ่านพ้นวิกฤติ ของชีวิตมาได้ด้วยดี บางคนสามารถมีความสัมพันธ์ทางเพศได้ใหม่อีก |
|
นมผึ้ง มีปริมาณ เกสรดอกไม้ จากผึ้งอยู่อย่างสมบูรณ์ และยังพบว่าผึ้งใช้กระบวนการดูดซึมผสม
ในนมผึ้งด้วย นอกจากนั้น นมผึ้ง ยังมีกรดอะมิโน 30 ชนิดที่พบในธรรมชาติทั้งหมด รวมทั้ง กรดอะมิโน
ที่จำเป็นทั้ง 8 ชนิด ที่ร่างกายของเราไม่สามารถผลิตเองได้ใน นมผึ้ง อีกด้วย วิตามินบีรวม
และ วิตามินซี นั้นมีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์มาก รวมทึ้งแร่ธาตุต่าง ๆ |
|
"นมผึ้ง ถูกนำมาใช้ในการแพทย์เพื่อรักษาโรคของคน ในฐานะที่เป็นผลิตภัณฑ์จากสิ่งมีชีวิต
ทางธรรมชาติ ตั้งแต่ปี 1952 สนามปฏิบัติการของยาธรรมชาติชนิดนี้ขยายวงกว้างออกเรื่อย ๆ
ทั้งนี้ต้องขอบคุณผลการ ค้นคว้าของนักชีววิทยา ชาวฝรั่งเศสที่ยิ่งใหญ่ นามว่า บอยเออร์ เดอ เบลเวเฟ
นมผึ้งได้มอบการช่วยเหลือ อันทรงคุณค่าแก่ผู้เจ็บป่วยมากมาย มหาศาลแล้ว.."
สรรพคุณในการเยี่ยวยาของนมผึ้ง กล่าวโดย ดร.เอ เซนซ์ |
|
การใช้ นมผึ้ง รักษาโรคต่างๆ
โรคหลอดโลหิตแดงแข็ง : ดร.เซนซ์ กล่าวถึงโรคหลอดเลือดแดงแข็งว่า “ปฏิบัติการของนมผึ้ง
ในการรักษาโรคหลอดเลือดแดงแข็งน่าสนใจ มากที่สุด และได้ผ่านการทดสอบความถูกต้องมาแล้วด้วย”
โดยเน้นว่าโรคนี้เกียวข้องกับระดับไขมันในเลือดสูงเป็นผล จากการที่ระบบการเผาผลาญไขมันถูกรบกวน
และโรคจะกำเริบร้ายแรงขึ้นเมื่อคนป่วยอายุมากขึ้น เขากล่าวสรุปว่า “เมื่อผู้ป่วยด้วยโรคหลอดเลือดแดง
แข็งได้รับการเยี่ยวยาด้วย นมผึ้ง นมผึ้ง จะช่วยไปฟื้นฟูกระบวนการ ทำงานของระบบเผาผลาญ
ให้เข้าสู่ภาวะปกติ นั่นก็คือจะสร้างไลโปโปรตีนขึ้นมาอย่างเป็นปกติใหม่” |
|
โรคเส้นเลือดขอด : ดร.เซนซ์ ว่า นมผึ้ง จะให้ผลอย่างดีเยี่ยมเมื่อใช้ในการรักษาโรคเส้นเลือดขอด
และมีส่วนช่วยอย่างสำคัญในการ ปรับปรุงระบบเส้นเลือดแดงอื่น ๆ ที่อยู่ในสภาพผิดปกติให้ดีขึ้นตามมา |
|
ประโยชน์ของรอยัลเจลลี่ ( นมผึ้ง ) นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้ว นมผึ้ง ยังมีประโยชน์อีกคือ
ช่วยในการเผาผลาญอาหาร , ช่วยการเจริญเติบโต , ต้านความเครียดนอนไม่หลับ
และส่งผลดีต่อระบบประสาทต่าง ๆ เช่น ทำให้ผิวพรรณดี ดูอ่อนกว่าวัย , เพิ่มความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ
ช่วยบรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือนจนถึงวัยหมดประจำเดือน , ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
และป้องกันการเป็นหมัน เป็นต้น |
|
ข้อมูลจาก : หนังสือผลพวงจากรวงรัง โดย นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล |
|
|
|
การเป็นหมัน เกิดจากสาเหตุใด |
|
การเป็นหมัน คือการที่คู่สมรสอยู่ด้วยกันมานานพอสมควรโดยไม่ได้คุมกำเนิด แล้วฝ่ายหญิงยังไม่ตั้งครรภ์
ส่วนมากถือระยะเวลา ๑๒-๒๔ เดือน ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับอายุของฝ่ายหญิงด้วย |
|
สาเหตุของการเป็นหมัน
ในคู่สมรสที่มาหาแพทย์ด้วยเรื่องเป็นหมัน แพทย์มักจะเพ่งเล็งไปที่ฝ่ายหญิง เพราะว่าส่วนใหญ่ฝ่ายภรรยามักจะมาหาแพทย์ก่อน
แต่ความจริงปรากฎว่าประมาณ ๓๐? (๑ ใน ๓) หรือมากกว่า มีสาเหตุจากทางฝ่ายชาย |
|
เหตุการเป็นหมันทางฝ่ายชาย |
๑. มีการสร้างตัวอสุจิที่ผิดปกติ การผิดปกตินั้นได้แก่ ไม่มีตัวอสุจิ จำนวนตัวอสุจิน้อยกว่าปกติ
รูปร่างตัวอสุจิผิดปกติเป็นจำนวนมาก ไม่มีการเคลื่อนไหวของตัวอสุจิ หรือมีการเคลื่อนไหวของตัวอสุจิน้อยผิดธรรมดา
การผิดปกติเหล่านี้อาจมีเหตุมาจาก
- การอักเสบ เช่น เป็นคางทูมแล้วมีการอักเสบที่ลูกอัณฑะ หรือการติดเชื้อหนองใน เป็นต้น
- การกระทบกระเทือนบริเวณลูกอัณฑะ ทำให้เกิดเป็นแผลบริเวณนั้น
- การผิดปกติเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ ทำให้ร่างกายขาดฮอร์โมนบางอย่าง
- ลูกอัณฑะมีภาวะหรือสิ่งแวดล้อมที่ผิดปกติ เช่น มีเส้นเลือดขอดเป็นจำนวนมาก มีน้ำในถุงลูกอัณฑะ หรือการใช้กางเกงในรัดเกินไป
- สาเหตุทั่ว ๆ ไป เช่น ถูกแสงรังสีมากเกินไป โรคภัยไข้เจ็บเรื้อรัง ขาดอาหาร โลหิตจาง ตลอดจนการติดยาเสพติด เหล้า หรือบุหรี่
- สาเหตุเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน เช่นว่าเกิดภูมิคุ้มกันในตัวเอง ย่อมทำให้มีการผิดปกติได้ |
๒. มีการผิดปกติเกี่ยวกับทางเดินของตัวอสุจิ เช่น ท่อทางเดินของตัวอสุจิตีบหรือตัน อาจจะเป็นมาแต่กำเนิดหรือภายหลังก็ตาม
ทำให้ตัวอสุจิไม่สามารถเดินทางออกสู่ภายนอกได้ |
๓. มีการผิดปกติในน้ำกาม คือมีลักษณะการเป็นกรดด่างของน้ำกามผิดไป หรือส่วนประกอบของน้ำกามผิดปกติ
สิ่งเหล่านี้จะทำให้การเคลื่อนไหวของตัวอสุจิไม่ดี หรือตายได้ |
๔. การผิดปกติในการหลั่งน้ำกามเข้าช่องคลอด พวกที่พบว่าน้ำกามนั้นอยู่ในเกณฑ์ปกติ
แต่ว่ามีน้ำกามเข้าไปในช่องคลอดไม่เพียงพอหรือน้อยมาก ซึ่งอาจเกิดจากท่าการร่วมสัมพันธุ์ทางเพศผิดปกติ
การหลังน้ำกามก่อนสอดใส่อวัยวะเพศชายเข้าช่องคลอด โรคไฮโปสแปดิแอส กามตายด้าน เป็นต้น |
๕. สาเหตุอื่น ๆ เช่นมีการร่วมสัมพันธุ์ทางเพศบ่อยเกินไป การร่วมสัมพันธุ์ทางเพศก่อนหรือหลังวันตกไข่นานเกินไป
มีอารมณ์ตึงเครียดหรือตรากตรำงานมาก พวกนี้อาจมีผลทางอ้อม ทำให้เพลีย หลับง่าย หรือมีความรู้สึกทางเพศน้อยลง |
|
เหตุการเป็นหมันของฝ่ายหญิง
๑. มีอวัยวะเพศพิการมาแต่กำเนิด คือมีอวัยวะเพศส่วนหนึ่งส่วนใดขาดไป เช่น การไม่มีช่องคลอดส่วนล่าง ไม่มีมดลูก
ไม่มีท่อมดลูก หรือไม่มีรังไข่ เป็นต้น |
๒. เหตุจากช่องคลอด
- ช่องคลอดตีบหรือตัน อาจเกิดจากมีพังผืดกั้น ผนังกั้น ก้อนเนื้องอก ตลอดจนแผลเป็น
พวกเหล่านี้จะทำให้ไม่สามารถสอดใส่อวัยวะเพศของฝ่ายชายเข้าไปได้
- การอักเสบจากแบคทีเรีย เชื้อพยาธิ หรือเชื้อรา ทำให้เกิดการเจ็บปวด และมีการเปลี่ยนแปลงของการเป็นกรดด่างของน้ำ
ในช่องคลอด
ทำให้ตัวอสุจิตายได้
- มีการเจ็บปวดในการร่วมสัมพันธุ์ทางเพศ อาจเกิดจากการตีบตัน อักเสบ ทำให้กลัวต่อการร่วมเพศ |
๓. เหตุจากคอมดลูก เป็นเหตุที่พบได้ประมาณ ๒๐? อาจเป็นเหตุโดยตรงหรือทางอ้อมก็ตาม
เช่นเกี่ยวกับขนาดและตำแหน่งของมดลูก เนื้องอก การอักเสบ การตีบตัน ตลอดจนมีการผิดปกติเกี่ยวกับฮอร์โมน
ตัวอสุจิไม่สามารถเคลื่อนไหวผ่านมูกกั้นขึ้นไปได้ |
๔. เหตุจากตัวมดลูกและเยื่อบุมดลูก ได้แก่
- โรคเซลล์เยื่อบุมดลูกเกิดผิดที่ พบว่าเป็นสาเหตุของการเป็นหมันได้บ่อย ๒๕-๖๕? อาการสำคัญคือปวดประจำเดือนมาก
- การทำงานของเยื่อบุมดลูกผิดปกติ ส่วนใหญ่เกิดจากการขาดฮอร์โมน อาจทำให้ไม่มีไข่ตกด้วย
- เนื้องอกของมดลูก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดและตำแหน่งของเนื้องอก
- การอักเสบ พบน้อยที่เป็นสาเหตุของการเป็นหมัน |
๕. เหตุจากท่อมดลูก
- การอักเสบและการติดเชื้อ เป็นเหตุทำให้ท่อมดลูกตันที่พบคือติดเชื้อหนองใน วัณโรค การอักเสบหลังคลอด
หรือขูดมดลูก ตลอดจนการอักเสบของอวัยวะใกล้เคียงในช่องท้อง เช่น ไส้ติ่งอักเสบ
การอักเสบเหล่านี้ภายหลังจะทำให้เกิดพังผืดยึด
เกิดการอุดตันที่ส่วนปลายของท่อมดลูก หรืออาจทำให้ท่อมดลูกคดงอ
ทำให้ตัวอสุจิไม่สามารถเดินทางไปพบกับไข่ได้
- มีก้อนเนื้องอกไปกดหรือดันทำให้ท่อมดลูกตีบ ไข่และตัวอสุจิเดินทางไม่สะดวก
- ภาวะหดเกร็งของท่อมดลูก พวกนี้มักเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น |
๖. เหตุจากต่อมไร้ท่อและรังไข่ ตามปกติการที่มีไข่ตกเกิดขึ้นได้ ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของฮอร์โมนที่สมดุลย์กัน
ตั้งแต่ต่อไร้ท่อในสมองลงมาจนถึงรังไข่และเยื่อบุมดลูก ถ้าเกิดการผิดปกติหรือไม่สมดุลย์กันที่ส่วนหนึ่งส่วนใด
จะทำให้ไม่มีไข่ตกได้ในรอบเดือน |
๗. เหตุจากภูมิคุ้มกัน จากการศึกษารายงานตามที่ต่าง ๆพบว่าคู่สมรสที่แต่งงานใหม่จะสามารถตั้งครรภ์ได้ภายใน ๙ เดือนแรก
๗๐?อีก ๑๐? ตั้งครรภ์ได้ภายใน ๒ ปี อีก ๑๐? ตั้งครรภ์ได้โดยได้รับคำแนะนำจากแพทย์ และที่เหลืออีก ๑๐? นั้นเป็นหมัน
อาจเกิดจากฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงก็ตาม ๑ ใน ๔ ของจำนวนนี้เกิดเป็นหมันจากภาวะเข้ากันไม่ได้เนื่องจากภูมิคุ้มกัน |
๘. เหตุเกี่ยวกับอารมณ์ อาจจะทำให้เกิดกามตายด้าน เจ็บปวดเวลามีการร่วมสัมพันธุ์ทางเพศ
ปัจจุบันนี้เชื่อว่าอาจทำให้เกิดภาวะหดเกร็งของท่อมดลูกได้ |
๙. เหตุอื่น ๆ เช่น เป็นโรคภัยไข้เจ็บเรื้อรัง ขาดอาหาร ตลอดจนการร่วมสัมพันธุ์ทางเพศก่อนหรือหลังวันไข่ตกนานเกินไป |
|
คัดลอกข้อมูลบางส่วนจาก : http://www.healthcarethai.com/การเป็นหมัน
คัดลอกข้อมูลบางส่วนจาก : เขียนโดย "น.พ.เสบียง ศรีวรรณบูรณ์" |
|
|
|