|
|
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ผักชีลาวเป็นพืชล้มลุกตระกูลเดียวกับผักชี ลำต้นมีสีเขียวเข้มขนาดเล็ก
ลักษณะใบเป็นใบประกอบแบบขนนกมีสีเขียวสดออกเรียงสลับกัน ดอกมีขนาดเล็กสีเหลืองออกเป็นช่อ
ก้านช่อดอกมีลักษณะคล้ายกับซี่ร่ม ผลแก่เป็นรูปไข่แบนมีสีน้ำตาลอมเหลือง ถ้านำไปใช้เป็นเครื่องเทศ
จะเก้บได้ก้ต่อเมื่อดอกเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล แต่ส่วนใหญ่จะพบในรูปของการทานสดเป็นผักมากกว่า
ซึ่งควรเก็บก่อนที่จะออกดอก ผักชีลาวมีสองชนิด คือ ชนิดที่มาจากยุโรป (Dill) และชนิดที่มีกำเนิด
ในเอเชียเขตร้อน (Indian Dill) ในประเทศไทยมีการปลูกเพื่อใช้ทานเป็นผักมากกว่าปลูก
เพื่อใช้ผลมาทำเครื่องเทศเพราะมีคุณภาพน้อยกว่าประเทศอินเดีย |
|
สารสำคัญที่พบ : ผลผักชีลาวมีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งปริมาณน้ำมันที่ได้ขึ้นอยู่กับแหล่งเพาะปลูกและฤดูกาล
ที่เก็บเกี่ยว นอกจากนี้แล้วยังประกอบด้วย สารดิลลาโนไซด์ สารประเภทกรดฟีโนลิค โปรตีน ไขมัน เป็นต้น |
|
คุณประโยชน์ : น้ำมันผักชีลาว (Dill seed oil) ได้จากการนำผลแก่แห้งไปกลั่นด้วยไอน้ำ
สารสำคัญที่พบคือ คารืโวน ดี-ไลโมนีน และอัลฟ่า-เฟลเลนดรีน สารอื่นที่มีปริมาณรองลงมาคือ
ไดไฮโดรคาร์โวน ยูจีนอล ไพนีน และอะนีโทล เป็นต้น |
|
สรรพคุณทางยา : นำผลแก่แห้งของผักชีลาวบดให้เป็นผง ชงกับน้ำดื่มวันละ 4-5 แก้ว แก้อาการปวดท้อง
แน่นท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยขับลมหรือใช้ต้นสดของผักชีลาวผสมกับนมให้เด็กอ่อน
ดื่มแก้ท้องอืดท้องเฟ้อได้เช่นกัน ส่วนน้ำมันมักใช้ผสมในยาย่อยอาหาร ยาแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ |
|
ที่มาของข้อมูล : www.thaiwikipedia.com ค้นหาคำว่า "ผักชีลาว" |
|
|
|
ท้องอืด |
|
ท้องอืด (Bloated stomach) คือภาวะที่ท้องเกิดอาการแน่นเนื่องจากมีแก๊สในกระเพาะอาหาร จนทำให้ท้องดูมีลักษณะบวม
ท้องอืดสามารถเกิดขึ้นกับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งเมื่อเกิดอาการแล้วจะส่งผลให้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ไม่สะดวกเนื่องจากรู้สึกอึดอัดท้อง
ทั้งนี้หากอาการเป็นต่อเนื่องนาน ๆ โดยไม่มีสาเหตุ ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย |
|
อาการท้องอืด
อาการท้องอืด เป็นอาการที่ระบุลักษณะได้ยาก ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่มีอาการท้องอืดมักจะรู้สึกไม่สบายท้อง รู้สึกแน่น
นอกจากนี้ยังอาจมีอาการปวด และมีลมในกระเพาะอาหารเป็นจำนวนมาก จนทำให้เรอ หรือผายลมบ่อย
บ้างก็มีอาจได้ยินเสียงโครกครากภายในท้อง และมีอาการปวดท้องร่วมด้วย ทั้งนี้หากมีอาการผิดปกติที่รุนแรงเช่น อาเจียนไม่หยุด
อาเจียนเป็นเลือด อุจจาระเป็นเลือด หมดสติ ควรรีบไปพบแพทย์โดยทันที เพราะนั่นคือความผิดปกติที่อาจนำไปสู่อันตรายต่อสุขภาพได้ |
|
สาเหตุของอาการท้องอืด
- การกลืนอากาศเข้าไปในปริมาณที่มาก การอ้าปาก พูดคุย หัวเราะ หรือแม้แต่หายใจทางปากจะทำให้ลมเข้าไปอยู่ในท้องเป็นจำนวนมาก
และจะไหลไปตามระบบลำไส้ จากนั้นจะถูกปล่อยออกด้วยการผายลม ซึ่งถ้าหากลมภายในช่องท้องมีมากเกินไป
อาจทำให้เกิดท้องอืด
และมีอาการสะอึกร่วมด้วยได้
- การรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีแก๊สหรือก่อให้เกิดแก๊ส อาหารเช่น ถั่ว บรอกโคลี เครื่องดื่มอัดแก๊ส หรือเบียร์
จะทำให้เกิดการสะสมแก๊สในกระเพาะอาหารจนกลายเป็นอาการท้องอืด แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพระบบย่อยอาหารของแต่ละคนด้วย
- ท้องผูก อาการท้องผูกเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของท้องอืดที่พบได้บ่อย แต่จะไม่ก่อให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร
- การรับประทานยาบางชนิด อาหารเสริมหลาย ๆ ชนิด ไม่ว่าจะเป็น ยาระงับอาการปวดชนิดเสพติด (Narcotic Pain Medications)
วิตามิน อาหารเสริมธาตุเหล็ก หรือยารักษาอาการท้องผูกอีกหลาย ๆ ชนิด สามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียงอย่างอาการท้องอืดได้
- การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน ระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงของผู้หญิงสามารถก่อให้เกิดภาวะก่อนมีประจำเดือน
ซึ่ง 1 ในอาการของภาวะนี้จะทำให้ร่างกายมีน้ำเพิ่มขึ้น จนเป็นสาเหตุของอาการท้องอืดนั่นเอง
- ความอ่อนแอของผนังช่องท้อง ผนังช่องท้องที่อ่อนแอเนื่องมากจากการคลอดบุตร
หรือการผ่าตัดช่องท้องสามารถก่อให้เกิดอาการท้องอืดได้ |
|
การรักษาอาการท้องอืด
- ลดปริมาณอากาศที่กลืนเข้าร่างกาย วิธีที่จะช่วยให้ผู้ป่วยกลืนอากาศเข้าไปทางปากก็คือ การเคี้ยวอาหารให้ช้าลง
หลีกเลี่ยงการเคี้ยวหมากฝรั่ง
และห้ามใช้หลอดในการดูดเครื่องดื่มเป็นต้น
- จำกัดปริมาณการดื่มเครื่องดื่มอัดแก๊ส และมีน้ำตาลสูง เช่น น้ำอัดลม โซดา น้ำผลไม้ที่มีน้ำตาลมาก ๆ เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร เช่น ถั่วชนิดต่าง ๆ และผักที่มีลักษณะเป็นหัว
สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการท้องอืดจากการแพ้โปรตีนกลูเตน ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของข้าวสาลีทุกชนิด
หากแพ้น้ำตาลแลกโตสก็ควรงดผลิตภัณฑ์จากนมเช่นกัน
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของสารให้ความหวานแทนน้ำตาล โดยสารให้ความหวานที่ควรงดคือ
ซอลบิทอล (Sorbitol) เพราะผลิตจากน้ำตาลฟรุกโตสที่เป็นสาเหตุของอาการท้องอืด
- งดสูบบุหรี่ การเลิกสูบบุหรี่จะช่วยลดการกลืนอากาศเข้าร่างกายมากเกินไป อีกทั้งยังช่วยให้อาการท้องอืดหายไปได้ |
|
ภาวะแทรกซ้อนของอาการท้องอืด
ภาวะแทรกซ้อนของอาการท้องอืด อาจเกิดขึ้นได้ในขณะที่รู้สึกท้องอืด โดยอาการที่พบ ได้แก่ มีอาการเรอ
หรือมีเสียงโครกครากภายในท้อง นอกจากนี้ยังอาจมีการผายลมมากขึ้น และความอยากอาหารลดลง
รวมทั้งมีอาการอาหารไม่ย่อยอีกด้วย
ทว่าในบางรายอาการท้องอืดที่มีสาเหตุมาจากความผิดของโรคซ่อน
อยู่อาจนำไปสู่อาการที่รุนแรงมากขึ้น เช่น อาการหัวใจวาย เป็นต้น |
|
การป้องกันอาการท้องอืด
การป้องกันอาการท้องอืดสามารถทำได้ตั้งแต่การเลือกรับประทานอาหาร โดยควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ก่อให้เกิดอาการท้องอืด
รวมทั้งหลีกเลี่ยงการเคี้ยวหมากฝรั่งบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองกลืนอากาศเข้าไปมากจนผิดปกติ หากมีอาการท้องอืดบ่อย ๆ
เนื่องจากรับประทานอาหารมากเกินไป ควรลดปริมาณอาหารลง หรือย่อยมื้ออาหารจาก 3 มื้อ เป็น 5-6 มื้อ
เพื่อให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างเป็นปกติ นอกจากนี้ยังควรสำรวจความผิดปกติของร่างกายอย่างสม่ำเสมอ
และควรรีบปรึกษาแพทย์หากมีอาการท้องอืดที่ผิดปกติ |
|
คัดลอกข้อมูลบางส่วนจาก : https://www.pobpad.com/ท้องอืด |
|
|
|