|
|
ไก่ดำพันธุ์ดั้งเดิมมีถิ่นกำเนิดมาจากแถบเหนือของมองโกลเลีย ประเทศจีน มีรูปร่างสวยงามและแข็งแรง
ไก่ดำต้องมีขนดำ หนังดำ เนื้อดำ กระดูกดำ เครื่องในดำ ในสมัยของราชวงศ์ถัง แพทย์หลวงรู้จักนำเอา
ไก่ดำผสมเข้ากับเครื่องยาจีนตามกรรมวิธีแผนโบราณ เพื่อเป็นอาหารถวายฮ่องเต้ ซึ่งตามประวัติศาสตร์
จีนไก่ดำจะถือเป็นสัตว์สงวนและเป็นของต้องห้ามสำหรับสามัญชนทั่วไป ไม่ให้นำออกนอกประเทศ
และหากผู้ใดพบเห็นก็ต้องนำทูลถวายฮ่องเต้เท่านั้น ไก่ดำจึงเป็นที่สงวนและทรงโปรดของฮ่องเต้ทุกสมัย
เสวยบำรุงร่างกายและรักษาโรคได้เป็นอย่างดี แม้พระซูสีไทเฮาก็โปรดในการเสวยไก่ดำเป็นประจำจน
มีผิวพรรณสวยงาม แข็งแรง สรรพคุณของไก่ดำในตำรายาของขุนนางจีนกล่าวว่า
ไก่ดำมีคุณค่าทางอาหารและยา เพิ่มพละกำลังมหาศาล บำรุงสมอง บำรุงร่างกาย ต้านทานโรคต่างๆ
ช่วยให้เลือดที่สูญเสียกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว บำรุงอวัยวะที่หมดสภาพให้กลับฟื้นคืนเป็นปกติ |
|
ไก่ดำมีแร่ธาตุพิเศษกว่าไก่ทั่วไป มีแร่ธาตุเมนนิน, แอนโดเจน และอะมิโนแอซิด (MEIANIN, ANDROGEN
and AMINO ACID) และมีแร่ธาตุที่สำคัญที่ร่างกายต้องการอีกร่วม 20 ชนิด โดยเฉพาะ 8 ชนิด
ร่างกายไม่สามารถหาได้จากอาหารทั่วไป และที่สำคัญก็คือไข่และเนื้อของไก่ดำมีปริมาณไขมันหรือ
โคเลสเตอรอลต่ำเมื่อเทียบกับสัตว์อื่นๆ |
|
|
|
งานวิจัยซุปไก่สกัดกับการทำงานของสมอง ( เขียนโดย : รศ.ดร.มนัส พงศ์ชัยเดชา )
ในโลกยุคดิจิตอล การดำเนินชีวิตของคนเราจำเป็นต้องปรับตัวให้รวดเร็วทันตามกระแส
ความคิดต้องเฉียบแหลมฉับไว จึงจะส่งผลให้เราไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้สำเร็จ จนบางครั้ง
อาจทำให้คุณละเลยเรื่องความสำคัญ ของการเลือกสรรอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
จนอาจจะก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาโดยที่คุณไม่รู้ตัว |
|
อาหารถือเป็นแหล่งพลังงานสำคัญของมนุษย์ โดยเฉพาะในช่วงที่คุณรู้สึกว่าถูกภาวะการณ์ต่างๆ
กดดันมากกว่าปกติ ทั้งจากการทำงาน ปัญหาเศรษฐกิจ ฯลฯ ดังนั้นร่างกายจึงมีความต้องการสารอาหาร
หลายๆ ชนิดมากขึ้น เช่น สารแอนติออกซิแดนท์ (วิตามินซี วิตามินอี และเบต้าแคโรทีน) วิตามินบี
แมกนีเซียมและสังกะสี รวมทั้งโปรตีน การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานผักสด
ผลไม้ ธัญพืช ถั่ว เนื้อไก่ เนื้อปลา ฯลฯ ช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จะสามารถรับมือ
กับความเหนื่อยล้าได้ |
|
ในบรรดาอาหารหลัก 5 หมู่ อาหารโปรตีนโดยเฉพาะกรดอะมิโนที่เป็นหน่วยย่อยของอาหารโปรตีน
มีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงระดับของสารที่ทำหน้าที่สื่อสารในสมอง (neurotransmitters)
ที่นอกเหนือจากหน้าที่เสริมสร้างซ่อมแซมเนื้อเยื่อ สร้างภูมิต้านทาน ป้องกันการติดเชื้อ
ช่วยลดฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ถูกปลดปล่อยออกมามากในยามที่ร่างกายอยู่ในภาวะกดดัน
ซุปไก่สกัดก็นับเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีกรดอะมิโนบางชนิด ที่มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์
สนับสนุนถึงความสามารถในการช่วยเพิ่มสมาธิและความจำ |
|
ซุปไก่สกัด อาหารเสริมสุขภาพที่มีมากว่าพันปี โดยชาวจีนโบราณได้นำซุปไก่สกัดมาใช้บำรุงร่างกายให้มี
กำลังวังชา ช่วยฟื้นฟูสุขภาพยามเจ็บป่วย และด้วยความเชื่อในผลของซุปไก่สกัด ในระยะ 20 ปีที่ผ่านมา
จึงมีการศึกษาวิจัยถึงผลของซุปไก่สกัดเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผลที่มีต่อความเครียดและ การเรียนรู้
ซึ่งได้รับความสนใจจากนักวิจัยสาขาต่างๆ จากหลายประเทศ |
|
โดยในปี 1996 Yang และคณะ ที่ได้ศึกษาถึงผลของซุปไก่สกัดในการป้องกันความเสียหาย ของขบวนการ
เผาผลาญน้ำตาลกลูโคสพบว่า ซุปไก่สกัดมีผลในการเข้าไปแก้ไขความผิดปกติ ของการเผาผลาญอาหาร
ในร่างกาย ซึ่งหมายถึงการป้องกันภาวะการทำลายร่างกาย ที่เกิดจากความเครียดนั่นเอง
รวมทั้งยังมีการศึกษาของ Nagai และคณะ ในเรื่องของซุปไก่สกัดต่อความเหนื่อยล้าของสมอง
โดยการทดลองกับนักศึกษาชายที่ไม่เคยดื่มซุปไก่สกัดมาก่อน โดยให้กลุ่มหนึ่งดื่มซุปไก่สกัด
และอีกกลุ่มหนึ่งดื่มซุปไก่หลอกทุกเช้าติดต่อกัน 7 วัน แล้วให้สองกลุ่มทำแบบทดสอบคณิตศาสตร์
และการจดจำในระยะสั้น พบว่ากลุ่มที่ดื่มซุปไก่สกัดมีประสิทธิภาพในการใช้สมองเพิ่มขึ้น
มีความกระปรี้กระเปร่าและอาการเหนื่อยล้าจากการทำงานน้อยลง เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ดื่มซุปไก่หลอก |
|
และการประชุมวิชาการประจำ 2001 ของสมาคมนักโภชนาการแห่งสหรัฐอเมริกา มีรายงานการวิจัยว่า
ซุปไก่สกัดเป็นอาหารเสริมที่มีผลต่อการทำงานของสมอง โดยเฉพาะในเรื่องของการช่วยลดความเครียด
เพิ่มสมาธิ โดยการศึกษาในนักศึกษาจำนวน 50 คน ที่เป็นอาสาสมัครดื่มซุปไก่สกัดและซุปหลอก
จากนั้นทำการตรวจคลื่นไฟฟ้าในสมองด้วยวิธีที่เรียกว่า Electroencephalogram (EEG) Topographic
Brain Mapping พบว่า อาสาสมัครในกลุ่มที่ดื่มซุปไก่สกัดมีคลื่นอัลฟาเพิ่มขึ้น
ซึ่งคลื่นอัลฟานี้เป็นคลื่นที่แสดงถึงความมีสมาธิและ ความรู้สึกสงบของจิตใจเพิ่มขึ้น |
|
ต่อมาในปี 2003 ศ.นพ.Azhar และคณะ ได้ทำการวิจัยแบบ Double blind controlled study
โดยคัดอาสาสมัครเป็นนักศึกษาแพทย์ปีที่ 4 ที่ลงเรียนในแผนกจิตเวช มหาวิทยาลัย Putra Malaysia
ที่มีสุขภาพดี แต่มีความวิตกกังวลสูง จำนวน 164 คน โดยอาสาสมัครทุกคนได้รับการทดสอบ
ในการทำทดสอบต่างๆ (GHQ, SF36, Digit span, Construction tests ทดสอบความจำ 3 นาที
ทดสอบความเข้าใจและทดสอบปัญหาทางคณิตศาสตร์) โดยทำการทดสอบทั้งก่อนดื่มซุปไก่สกัด
และหลังจากดื่มซุปไก่สกัดทุกเช้า เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ผลการวิจัยพบว่า หลังดื่มซุปไก่สกัด
อาสาสมัครทำคะแนนดีขึ้นทุกประเภท |
|
จากผลการศึกษาวิจัยนี้ ศ.นพ.Azhar ชี้ให้เห็นว่า ผลการวิจัยของเขาสนับสนุนผลวิจัยที่นักวิจัย
ท่านอื่นเคยศึกษามาก่อน ในด้านการเพิ่มการเรียนรู้ โดยที่ซุปไก่สกัดอาจมีผลเพิ่มระบบการทำงาน
ของเซโรโทนิน ทำให้ลดความวิตกกังวล เพิ่มความตื่นตัวและเพิ่มสมาธิในการทดสอบ
มีผลทำให้ข้อสอบผิดน้อยลง จากการศึกษาค้นคว้าในหลากหลายลักษณะของนักวิทยาศาสตร์กลุ่มต่างๆ นี้
จึงทำให้ซุปไก่สกัดเป็นที่ยอมรับทั่วโลกว่าเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ที่ให้คุณค่าต่อร่างกายมนุษย์
อย่างไรก็ตามการที่จะมีสุขภาพดีได้นั้นจะต้องหมั่นดูแลทั้งด้านโภชนาการ การพักผ่อนอย่างพอเพียง
และการมีจิตใจที่แจ่มใจด้วย |
|
เอกสารอ้างอิง
1. Nagai, H., Harada, M., Nakayawa, M., et al. (1996) “Chicken extract on the recovery from
fatigue caused by mental workload”, Appl Human Sci, 1996 ; 15 (6) : 281 – 286.
2. Yang, Z.B., Harada, M., Higuchi, N., et al. (1996) “Effect of chicken extract on the disorder
of metabolic functions in mice caused by restrain – stress”. The 5th Intenational
Symposium on Clinical Nutrition : Training Course in Clinical Nutrition. Bangkok: 28 - 34.
3. Food & Nutrition Conference & Exhibition (2001), Effects of the essence of chicken on
subjective moods, brain electrical and serum cortisol. American Dietitian Association,
October 20-23, St. Louis, USA.
4. Azhar, M.Z. and Syed, M. (2003) “Effect of Taking Chicken Essence on Stress and Cognition
of Human Volunteers”, Mal J Nut; 9 (1): 19-29
ที่มาของข้อมูล : คอลัมน์ห่วงใยสุขภาพ ขวัญเรือน ฉบับปักษ์หลัง ต.ค.50 |
|
|
|
บีตา-แคโรทีน |
|
บีตา-แคโรทีน (อังกฤษ: β-carotene) เป็นรงควัตถุสีแดง-ส้มเข้มที่พบมากในพืชและผลไม้ เป็นสารประกอบอินทรีย์
และในทางเคมีจัดเป็นไฮโดรคาร์บอน หรือให้เจาะจงคือ เทอร์พีนอยด์ (ไอโซพรีนอยด์) ซึ่งสะท้อนว่ามาจากหน่วยไอโซพรีน
เบต้าแคโรทีนชีวสังเคราะห์จากเจรานิลเจรานิลไพโรฟอสเฟต (geranylgeranyl pyrophosphate) บีตา-แคโรทีนอยู่ในกลุ่มแคโรทีน
ซึ่งเป็นเตตระเทอร์พีน ซึ่งสังเคราะห์ทางชีวเคมีจากแปดหน่วยไอโซพรีนและมี 40 คาร์บอน บีตา-แคโรทีนแตกต่างจากแคโรทีนชนิดอื่น
คือ มีวงแหวนบีตาที่ทั้งสองปลายของโมเลกุล การดูดซึมบีตา-แคโรทีนเพิ่มขึ้นหากรับประทานกับไขมัน เพราะแคโรทีนละลายในไขมัน |
|
สำหรับขนาดรับประทานของวิตามินเอเพื่อรักษาสุขภาพโดยทั่วไปคือ 5,000 หน่วยสากล (IU) ซึ่งเทียบเท่ากับเบต้าแคโรทีน 3 มิลลิกรัม
และสำหรับปริมาณที่สมเหตุสมผลของบีตา-แคโรทีนที่แนะนำให้รับประทานต่อวันเพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรงคือ 15 มิลลิกรัม
ในขณะที่การรับประทานเพื่อหวังผลในรักษาจะต้องได้รับในปริมาณมากกว่านี้ |
|
แหล่งอาหาร
บีตา-แคโรทีนมีในพืชสีเหลืองและสีส้ม และผักที่มีสีเขียว เช่น
- แคร์รอต
- ฟักทอง
- หน่อไม้ฝรั่ง
- ข้าวโพดอ่อน
- แตงโม
- แคนตาลูป
- มะละกอสุก
- บรอกโคลี
- มะระ
- ผักบุ้ง
- ต้นหอม
- ผักคะน้า
- ผักตำลึง |
|
ส่วนเหตุที่อาหารบางชนิดมีสีเขียว เป็นเพราะสีของบีตา-แคโรทีนถูกสีเขียวของคลอโรฟิลล์บดบัง |
|
ผลข้างเคียง
บีตา-แคโรทีนนับเป็นสารอาหารที่มีบทบาทสำคัญสำหรับสุขภาพของมนุษย์ อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามีรายงานของการขาด
บีตา-แคโรทีนเลย
แม้ว่าการวิจัยจำนวนมากจะระบุว่า การเสริมด้วยบีตา-แคโรทีนใช้ในคนที่มีอาการขาดวิตามินเอ
แต่ก็ยังคงไม่มีข้อมูลแน่ชัด
ที่แสดงถึงอาการขาดบีตา-แคโรทีน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์และนักโภชนาการแนะนำว่า
เราควรรับประทานบีตา-แคโรทีนเข้าสู่ร่างกาย
โดยการบริโภคผักสดและผลไม้สด |
|
สำหรับผลข้างเคียงที่อาจเป็นผลเสียต่อร่างกายจากบีตา-แคโรทีน ขณะนี้ได้พบแล้ว แม้จากการวิจัยพบว่าวิตามินเออาจเป็นพิษ
ได้ถ้ารับประทานในปริมาณที่สูงกว่า 25,000 หน่วยสากล (IU) ต่อวัน แต่ไม่พบว่าบีตา-แคโรทีนมีความเป็นพิษ
เมื่อรับประทานในปริมาณสูง
ส่วนการมีปฏิกิริยากับสารอื่นไม่พบรายงานว่ามีปฏิกิริยาของบีตา-แคโรทีนกับยาสมุนไพร
รวมทั้งผลิตภัณฑ์อาหารเสริมใดๆ |
|
คัดลอกข้อมูลจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/บีตา-แคโรทีน |
|
|