|
|
Fo-ti หรือโชวู |
|
โชวู (He Shou Wu, Ho Shou Wu) หรือ Fo-Ti คือ สมุนไพรชนิดหนึ่งในตระกูล Smartweed
ชื่อวิทยาศาตร์ คือ Polygonum multiflorum พบในแถบเอเชียโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีน
|
|
ลักษณะทั่วไปของ สมุนไพรชนิดนี้ เป็นพืชประเภทไม้เลื้อย เจริญงอกงามในลักษณะที่แผ่กิ่งก้านสาขา
และบิดพันกัน ยาวประมาณ 30 ฟุต และสามารถครอบคลุมพื้นที่ได้ประมาณ 4 ตารางฟุต
โดยเจริญขึ้นไป ตามไม้ระแนง ในเวลาประมาณ 2 เดือน พืชชนิดนี้จะยังคงเขียวสดตลอดปีแม้ในฤดูหนาว |
|
โชวู นิยมใช้กันมานานนับศตวรรษ โดยเชื่อกันว่าจะทำให้ผู้ใช้มีสุขภาพแข็งแรง มีภูมิต้านทานต่อโรคต่างๆ
มีความกระฉับกระเฉง กระปรี้กระเปร่า ไม่แก่ก่อนวัย และช่วยให้อายุยืน นอกจากนี้ โชวู ยังได้รับความนิยม
ในหมู่ผู้สูงอายุ โดยเชื่อว่า จะช่วยให้เส้นผมมีสุขภาพดีแข็งแรง และรักษาสีผมให้ยังคงดำเงางามไม่เปลี่ยนแปลง
เป็นเทาหรือขาวไปตามกาลเวลา สำหรับผมที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทาหรือขาวแล้วก็จะสามารถกลับเป็นดำได้
โดยจะเริ่มเห็นผลภายใน ระยะเวลา 60 ถึง 90 วัน นอกจากนี้ ยังเชื่อว่า โชวู จะะช่วยคงความอ่อนวัย สดใส
และมีความเป็นหนุ่มเป็นสาวไม่เปลี่ยนแปลงไปตามอายุขัย |
|
ข้อมูลการศึกษาประสิทธิภาพของโชวูในแง่ การรักษาอาการผมร่วง จาก Hospital of Prevention
and Therapeutics/Chemical Industry - Shashi, Hubei ประเทศจีน พบว่า ผู้ป่วย 882 ราย
ที่มีอาการผมร่วง และได้รับการรักษาด้วยโชวู เป็นเวลา 3 เดือน ปรากฏว่า 630 รายสามารถรักษาให้หายได้
และ มีเพียง 48 รายที่ไม่มีการตอบสนองใด ๆ ต่อการรักษา คิดเป็นอัตราการตอบสนองต่อการรักษาคือ ร้อยละ 94.56 |
|
โดยในขั้นต้นพบว่าสมุนไพรโชวู มีความสามารถที่โดดเด่นในการทำความสะอาดร่างกาย
โดยการทำความสะอาดและการบำรุงตับและไต เมื่ออวัยวะเหล่านี้ ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
เป็นผลให้ระบบการไหลเวียนเลือดทั่วร่างกายดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีกับการเพิ่มจำนวนของออกซิเจน
วิตามิน และสารอาหารที่จำเป็นส่งถึงรากผม และการกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมได้ |
|
การใช้สมุนไพรชนิดนี้สืบต่อกันมาของชาวจีน มักเป็นการใช้เพื่อบำรุงร่างกายให้มีสุขภาพดี ทำให้รู้สึกสดชื่น
บำรุงตับและไต กระดูกและกล้ามเนื้อ รักษาอาการตาพร่ามัว ชาตามปลายมือปลายเท้า ลดอาการพิษจากแผล ฝี
คอพอก วัณโรคในต่อมน้ำเหลือง นิ่วในไต และระบบทางเดินปัสสาวะ การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
ทำให้ผมดำเงางาม ดูอ่อนกว่าวัย เพิ่มสมรรถภาพเพศและการเจริญพันธุ์ในผู้ชายและผู้หญิง พบว่าสามารถเพิ่มจำนวนสเปิร์ม
ในผู้ชายและช่วยสร้างน้ำอสุจิได้มากขึ้นได้แม้จะอยู่ในวัยชรา ทั้งยังช่วยสร้างไข่ในผู้หญิงได้เช่นกัน |
|
งานวิจัยในปัจจุบัน จะกล่าวถึงสรรพคุณในแง่ของการลดระดับคอเลสเตอรอล เนื่องจากพบว่าในรากของ
สมุนไพรดังกล่าว มีสารจำพวกเลซิติน นอกจากนี้ ยังมีประสิทธิภาพในการรักษาอาการนอนไม่หลับ
แก้ไขอาการท้องผูก โดยมีฤทธิ์เป็นยาระบายอย่างอ่อนด้วยการช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในลำไส้ ช่วยให้ความจำดี
บรรเทาอาการของโรคซึมเศร้า และช่วยลดความดันโลหิต จึงสามารถลดความเสี่ยงต่อโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจด้วย |
|
งานวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของโชวู ในการรักษาการติดเชื้อมาลาเรีย พบว่า การใช้รากของ Polygonum multiflorum
ที่ผ่านการต้มแล้วร่วมกับรากของ Glycyrrhizae ในผู้ป่วยมาลาเรีย 17 ราย มี 15 รายที่สามารถรักษาให้หายได้
แต่หลังจากนั้น 4 เดือน ผู้ป่วย 2 รายมีอาการกลับเป็นซ้ำ แต่ สามารถรักษาได้โดยใช้ยาตัวอื่นร่วมด้วย
และในจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด มีเพียงไม่กี่รายที่มีอาการท้องร่วงและ ปวดท้องเล็กน้อย นักวิจัยที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับ
สมุนไพรชนิดนี้ยังคาดว่า โชวู อาจมีสารประกอบบางตัวที่มี ผลต่อระบบหลอดเลือดหัวใจ และอาจมีฤทธิ์ต่อต้าน
การอักเสบ แต่อย่างไรก็ตาม ข้อสันนิษฐานนี้ ยังไม่ได้รับการพิสูจน์แต่อย่างใด ในเภสัชเวทของจีนระบุว่า โชวู
ใช้รักษา neurasthenia, อาการนอนไม่หลับ เหงื่อออกมากผิดปกติ วิงเวียนศีรษะ ปวดหลัง และอาการที่เกี่ยวกับวัณโรค
ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยดั้งเดิมของจีนที่กล่าวว่า โชวู มีความสามารถในการเป็น anti-toxic, ลดอาการบวม
และมีคุณสมบัติเป็น transquilizer |
|
เภสัชวิทยาและงานวิจัยทางคลินิก ผลต่อ lipid metabolism รากของ Polygonum multiflorum
ที่ผ่านความร้อนแล้วสามารถ ลดระดับโคเลสเตอรอลในกระต่ายที่ถูกทำให้มีภาวะโคเลสเตอรอลสูง
นอกจากนี้ ยังสามารถลดการดูด ซึมของคอเลสเตอรอลในลำไส้กระต่ายได้อีกด้วย
ในการทดลองจะแบ่งกระต่ายเป็น 2 กลุ่ม โดยทั้ง 2 กลุ่ม จะให้อาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง
เช่นเดียวกัน แต่กลุ่มหนึ่งจะให้สมุนไพรโชวูควบคู่กันไปด้วย พบว่า กลุ่มที่ได้รับสมุนไพร
มีระดับคอเลสเตอรอล ในเลือดต่ำกว่า และมีความเสี่ยงต่อการเกิด artherosclerosis ต่ำกว่ากลุ่ม
ควบคุมซึ่งไม่ได้รับสมุนไพรใดๆ การใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะคอเลสเตอรอลสูง ในงานวิจัยงานหนึ่งพบว่า
ผู้ป่วย 88 รายที่มีภาวะคอเลสเตอรอลสูง และได้รับประทานรากที่ผ่านการต้มของ Polygonum multiflorum
มีระดับคอเลสเตอรอลลดลง 78 ราย มี 8 รายที่ระดับคอเลสเตอรอลเพิ่มขึ้น และมีเพียงไม่กี่รายที่มีอาการหน้าร้อนแดง
หรือถ่ายอุจจาระบ่อยขึ้น |
|
ผลต่อ glucose metabolism ในการทดลอง ที่ใช้หนูซึ่งถูกตัดต่อมหมวกไตออกแล้วมา อดอาหาร
และให้รับประทานรากของ Polygonum multiflorum ที่ผ่านการต้มแล้ว พบว่า ระดับ glycogen
จากตับเพิ่มขึ้น 6 เท่า โดยเพิ่มขึ้นสูงสุดภายในเวลา 30 - 60 นาทีและลดลงสู่ระดับปกติหลังจากผ่านไป 6 ชั่วโมง
และยังพบด้วยว่า สมุนไพรสดที่ไม่ผ่านความร้อน จะไม่ให้ผลดังกล่าว ฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อ
ในการทดลองแบบ in vitro พบว่า รากของ Polygonum multiflorum ที่ผ่านการต้มแล้วมีผลในการยับยั้ง
Mycobacterium tuberculosis |
|
ข้อมูลความปลอดภัย : ยังไม่มีการศึกษาถึงความปลอดภัยของการใช้สมุนไพรชนิดนี้ในเด็ก
หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร และผู้ป่วยโรคตับหรือไต แต่อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงจากโชวู
ที่เกิดขึ้นหลังจากการรับประทานซึ่งพบไม่บ่อยนัก ได้แก่ อาการท้องร่วงและอาจพบผื่นแพ้ได้บ้างเล็กน้อย |
|
คัดลอกข้อมูลจาก : องค์การเภสัชกรรม, http://www.gpo.or.th/
http://www.naturalnews.com/026786_He_Shou_Wu_herb_liver.html |
|
|
|
นอนไม่หลับ |
|
นอนไม่หลับ (Insomnia) เป็นโรคความผิดปกติในการนอน นอนยาก ไม่ง่วงเมื่อถึงเวลานอน นอนหลับไม่สนิท
นอนแล้วตื่นกลางดึก ตื่นแล้วกลับไปนอนไม่ได้อีก หรือแม้จะรู้สึกอ่อนเพลียเพียงใดก็ไม่สามารถนอนหลับได้
กลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่รบกวนจิตใจและกระบวนการทำงานของร่างกาย ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
การเรียน การทำงาน
และความสัมพันธ์กับผู้อื่น |
|
อาการของโรคนอนไม่หลับ
- นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ใช้เวลานานกว่าจะนอนได้
- หลับยาก นอนดึก ตื่นสาย
- นอนหลับ ๆ ตื่น ๆ รู้สึกตัว ตื่นขึ้นกลางดึก
- ตื่นแล้วไม่สามารถนอนหลับต่อไปได้อีก
- อ่อนล้า หมดแรง ไม่สดชื่นกระปรี้กระเปร่า
- ง่วงนอนตลอดเวลาในตอนกลางวัน นอนไม่หลับในตอนกลางคืน
- ร่างกายอ่อนเพลีย ต้องการการพักผ่อน แต่ก็ยังนอนไม่หลับ หลับยาก
- ไม่มีสมาธิ ทำงานผิดพลาด ความจำไม่ดี |
|
สาเหตุของโรคนอนไม่หลับ
การนอนไม่หลับเกิดจากหลายสาเหตุปัจจัย ดังนี้ |
|
ปัจจัยทางด้านร่างกาย
มีอาการเจ็บป่วยของโรคอยู่แล้ว หรือเจ็บปวดตามจุดและอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย จึงทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับแทรกซ้อน
เช่น โรคกระเพาะอาหาร ไมเกรน ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ โรคมะเร็ง หรือโรคการหายใจผิดปกติขณะนอนหลับ
(Sleep Related Breathing Disorders) หรือกรนขณะนอนหลับก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่สัมพันธ์ต่ออาการนอนไม่หลับ
โดยผู้ที่เป็นโรคนี้จะหยุดหายใจเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ และตื่นขึ้นมาเรื่อย ๆในขณะนอนหลับ
ความผิดปกติของกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดการเกร็งและการกระตุก อาจทำให้ผู้ป่วยตื่นขึ้นกลางดึก
นอนหลับไม่สนิทหรือนอนไม่หลับอีกเลยได้เช่นกัน |
|
อีกส่วนหนึ่งคือการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย ปกติเมื่อร่างกายเจริญเติบโตตามช่วงวัยต่าง ๆ และมีอายุเพิ่มมากขึ้น
ความต้องการในการนอนหลับพักผ่อนจะลดน้อยลง เพราะร่างกายจะผลิตสารเซโรโทนินซึ่งเป็นฮอร์โมน
ที่ช่วยให้นอนหลับได้ลดลง
จึงมักพบปัญหาการนอนไม่หลับได้มากในช่วงวัยกลางคนเข้าสู่วัยชรา ในวัยชรา และผู้หญิงที่อยู่ในภาวะตั้งครรภ์
ซึ่งการนอนไม่หลับเกิดจากฮอร์โมนและสภาพร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปนั่นเอง |
|
ปัจจัยทางด้านจิตใจ
มีความเครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า หดหู่ ดีใจ หรือตื่นเต้นประหม่าเกิดเป็นความเครียด จนเกิดการเปลี่ยนแปลงของสารสื่อประสาทในร่างกาย
ทำให้ไม่สามารถนอนหลับตามปกติได้ |
|
ปัจจัยภายนอก
มีสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมมารบกวนประสาทสัมผัสในขณะนอนหลับ เช่น เสียงดังรบกวน แสงที่สว่างจ้า
และการรับรู้กลิ่นต่าง ๆ ที่มากจนรบกวนสภาวะผ่อนคลายก่อนการนอนหลับ และการเข้ารับการรักษาบางชนิด
ก็มีผลให้ผู้ป่วยเกิดความเจ็บปวด จนนอนไม่หลับ เช่น การทำเคมีบำบัด (Chemotherapy)
หรือที่เรียกกันติดปากว่าคีโมในผู้ป่วยมะเร็ง ความเจ็บปวดจากแผลผ่าตัด เป็นต้น |
|
ภาวะแทรกซ้อนของโรคนอนไม่หลับ
- ร่างกายอ่อนล้าในตอนกลางวัน ระบบความจำมีปัญหา ทำให้เรียนหรือทำงานอย่างขาดประสิทธิภาพ
และเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุอันเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของตนเองและผู้อื่นด้วย
เช่น การวูบหลับในขณะใช้รถใช้ถนนหรือใช้เครื่องจักร
- การพักผ่อนไม่เพียงพอทำให้ระบบเผาผลาญพลังงานภายในร่างกายทำงานได้ไม่เต็มที่
อาจเกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง
หรือเกิดภาวะอ้วนตามมา
- การนอนไม่หลับอย่างเรื้อรัง อาจส่งผลต่อสุขภาพจิต เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล
และอาจเพิ่มความเสี่ยงในการใช้สารเสพติดหรือแอลกอฮอล์เพื่อช่วยในการนอนหลับ |
|
การป้องกันโรคนอนไม่หลับ
- ปรับพฤติกรรมการนอน - เข้านอนให้เป็นเวลา ไม่งีบหลับในระหว่างวัน และนอนเมื่อง่วงนอน ไม่พยายามกดดันตัวเองเพื่อให้นอนหลับ
เพราะจะเกิดผลข้างเคียงเป็นความวิตกกังวลและทำให้นอนหลับยากยิ่งขึ้น แต่ควรหากิจกรรมที่ผ่อนคลายทำก่อนนอน
เช่น การอ่านหนังสือหรือการฟังเพลงเบา ๆ
- เปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้มีความผ่อนคลาย - จัดห้องใหม่ให้อากาศถ่ายเทสะดวก กำจัดสิ่งรบกวนในบริเวณห้อง
หรือย้ายที่พักไปสู่สภาพแวดล้อมที่สงบ สบาย และน่าอยู่อาศัย
- รับประทานอาหารที่ถูกสุขอนามัยและมีประโยชน์ทางโภชนาการ - เพื่อสุขภาพที่ดี ปราศจากโรคภัยและความเจ็บป่วย
งดรับประทานอาหารมื้อหนักก่อนเข้านอน รวมทั้งหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มและการใช้ยาที่มีสารกระตุ้นต่าง ๆ
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ - ตามความเหมาะสมของสภาพร่างกาย แต่ควรเว้นระยะการออกกำลังกายให้ห่างจากการเข้านอน
อย่างน้อย 4 ชั่วโมง เพราะอาจทำให้นอนหลับยากมากยิ่งขึ้น
- ลดความตึงเครียดจากการใช้ชีวิตประจำวัน - หลีกเลี่ยงความขัดแย้งอันเป็นที่มาของการเกิดความเครียด เปลี่ยนมุมมองใหม่ให้ชีวิต
คิดในแง่บวก มองหาความสุขง่าย ๆ จากสิ่งรอบตัว เข้าใจชีวิต และรู้จักการปล่อยวาง |
|
คัดลอกข้อมูลบางส่วนจาก : https://www.pobpad.com/นอนไม่หลับ |
|
|
|