|
|
พอล ซอร์ซี่
บิดาแห่งน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์บีบเย็น |
|
ดร.บรูซ ไฟฟ์ นักโภชนศึกษาผู้แต่งหนังสือ Coconut Cures เขียนคำอุทิศไว้ในหนังสือของเขาว่า
"ขอมอบหนังสือเล่มนี้เป็นอนุสรณ์แด่ พอล ซอร์ซี่ และวิสัยทัศน์ของเขา ในการเผยแพร่สรรพคุณ
การรักษาของน้ำมันมะพร้าวไปทั่วโลก " |
|
พอร์โฟริโอ (พอล) ซอร์ซี่ เกิดที่ฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 1895 เป็นบุตรคนที่สองในจำนวนพี่น้องห้าคน
พ่อของพอลเป็นนักเทศน์ในคริสตศาสนานิกายโปรแตสแตนต์ เมื่อลูกบ้านป่วย พ่อของพอลจะรักษาพวกเขา
ด้วยน้ำมันมะพร้าวซึ่งเป็นยาพื้นบ้านที่ใช้กันมาจนเป็นประเพณีอยู่ในฟิลิปปินส์ขณะนั้น
เขาทำน้ำมันมะพร้าวด้วยตนเองโดยอาศัยวิธีการที่สืบทอดกันมาจากพ่อของพ่อของพ่อ
พอลได้เรียนรู้วิธีทำน้ำมันมะพร้าวสดบริสุทธิ์จากที่นั่น |
|
ชีวิตวัยเด็กของพอลทำไร่ทำนาอยู่ที่บ้าน จนกระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ราชนาวีสหรัฐเริ่มเกณฑ์
ชาวฟิลิปปินส์เข้ารับราชการทหาร (ขณะนั้นฟิลิปปินส์เป็นดินแดนภายใต้อาณัติของอเมริกา)
พอลหนุ่มจึงสมัครเข้าเป็นพ่อครัว เขารับใช้กองทัพเรืออยู่สามปี ภายหลังสงครามโลกยุติ
พอลลาออกจากทหารมาทำงานเป็นพ่อครัวอยู่ในเรือพาณิชย์จนกระทั่งปี 1925
หลังจากนั้นพอลย้ายไปนิวยอร์ค อาศัยในหมู่บ้านกรีนวิชกับเพื่อนๆชาวฟิลิปปินส์ของเขา
ฝีมือพ่อครัวของเขาได้รับการฝึกฝนให้ดียิ่งขึ้นเมื่อเขาได้เข้าทำงานในโรงแรมหรูอย่าง
วอลดอร์ฟแอสโตเรีย พอลยังเคยทำงานให้กับตระกูลมั่งคั่งหลายตระกูล โดยเป็นทั้งพ่อครัว คนขับรถ
และพ่อบ้าน พอลจะปรุงหารรสอร่อย คอยดูแลลูกเจ้านาย รวมทั้งดูแลสัตว์เลี้ยงและรถยนต์ |
|
ครั้งหนึ่งเขาทำงานให้ตระกูลไครสเลอร์ โอกาสหนึ่งพอลเล่าว่า เจ้านายบอกพอใจในผลงานของเขา
และเขาสมควรได้รับรางวัล จากนั้นไม่นาน เจ้านายของพอลตายด้วยเหตุเครื่องบินส่วนตัวตก
เขาทิ้งเงินไว้ให้พอลก้อนหนึ่งที่พอลอธิบายว่าเป็น"เงินก้อนใหญ่" ส่วนจะใหญ่แค่ไหนนั้นผมไม่เคยรู้
แต่สงสัยว่าไม่น่าจะใช่แค่สองพันสามพันเหรียญ จากการที่รู้อยู่แล้วว่าพอลดำเนินชีวิตอย่างมัธยัสถ์
เพียงไร เงินจำนวนนี้น่าจะทำให้พอลเป็นหลักเป็นฐาน แต่พอลกลับมอบมันแก่เพื่อนชาวฟิลิปปินส์ของเขา
เพื่อนำไปใช้เป็นทุนเข้าศึกษาที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยโคลัมเบียโดยไม่หวังจะได้คืน
เขาบอกกับเพื่อนของเขาว่า เมื่อเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงแล้วให้นำเงินไปช่วยเหลือพี่น้องชาวฟิลิปปินส์ต่อไป
นี่แหละพอล คอยช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ |
|
พอลเริ่มทำน้ำมันมะพร้าวเพื่อช่วยเหลือผู้คนที่เจ็บป่วย เหมือนกับที่พ่อของเขาเคยทำ อย่างไรก็ดี
น้ำมันมะพร้าวของพ่อของเขาทำด้วยวิธีโบราณ มีส่วนผสมของน้ำปนอยู่มาก
เก็บไว้ได้แค่สองสามสัปดาห์ก็เหม็นหืน พอลจึงปรับปรุงสูตรดั้งเดิมของพ่อเขาเสียใหม่
โดยสกัดน้ำออกทั้งหมด ทำให้สามารถเก็บรักษาได้นานไม่จำกัด ใช้แล้วลื่นกว่า
และแทรกซึมผ่านผิวหนังได้ง่ายกว่ามาก |
|
พอลเกษียณในปี 1952 เมื่อมีอายุครบ 57 เขาตัดสินใจทำน้ำมันมะพร้าวของเขาออกขายแบบเต็มเวลา
"เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์, ตอบสนองความต้องการของมนุษย์" พอลกล่าว "มันทำให้คุณมีความสุข,
สุขภาพแข็งแรง, และงดงาม, มันแทรกซึมผ่านรูขุมขน, เข้าสู่ศูนย์กลางประสาท ช่วยให้อายุยืนยาว
สุขภาพดี" ช่วงชีวิต 45 ปีที่เหลือต่อมาของพอลอุทิศให้กับ การเผยแพร่วิธีส่ร้างเสริมสุขภาพ
ด้วยน้ำมันมะพร้าวของเขา |
|
ชื่อเสียงของพอลและน้ำมันมะพร้าวเป็นที่รู้จักกันดีทั่วทั้งเมือง หนังสือพิมพ์หลายฉบับตีพิมพ์เรื่องของพอล
และน้ำมัน' โคเพียว' (น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์) ของเขา บริษัทผลิตเครื่องสำอางยักษ์ใหญ่สองสามบริษัท
เสนอซื้อสูตรลับการทำน้ำมันมะพร้าว แต่พอลปฏิเสธไปทั้งหมด การได้ลงมือทำพร้อมกับควบคุมคุณภาพ
ด้วยตัวเองเป็นสิ่งสำคัญกว่าการได้มาซึ่งเงินทอง |
|
ผู้คนทั่วทั้งนิวพอร์ทต่างมาหาเขาเพื่อซื้อน้ำมันมะพร้าวหรือมาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ
การรักษาของพอลจะใช้น้ำมันมะพร้าวเป็นหลักเสมอ มันเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นเดียวที่เขาขาย
ลูกค้าของพอลมาจากทุกสาขาอาชีพ นอร์ม่า เทเลอร์ โปรเทนนิสเป็นลูกค้าประจำเช่นเดียวกับ ดิ๊ค เกรกอรี่
นักเขียนเรื่องขำขันและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง, แคธลีน คอตตา ผู้ทำไร่สมุนไพรอยู่ที่พอร์ทสมัทธ์
จะแวะมาซื้อน้ำมันมะพร้าวคราวละสองขวด ขวดหนึ่งไว้ใช้ภายนอก อีกขวดไว้รับประทาน "เชื่อหรือไม่"
เธอพูด "ฉันเหยาะมันในน้ำชาหรือกาแฟ มันเหมือนวิตะมินเลย" |
|
ที่ร้านของพอลมักเตรียมอาหารหม้อใหญ่เผื่อไว้หนึ่งอย่างสำหรับคนที่กำลังหิว
เขาจะเสิร์ฟมันแก่ลูกค้าประจำ เพื่อนสนิท หรือกับใครๆที่แวะเข้ามา ทุกๆวันจะมีชายตาบอดคนหนึ่ง
เดินเคาะไม้เท้ามาตามถนนเทมส์จนถึงร้านของเขา พอลจะจัดอาหารเลี้ยงดูชายตาบอดอย่างดี
ราวกับพระราชา เขาทำเช่นนี้ทุกวันเป็นปีๆและคิดค่าอาหารเพียงหนึ่งหรือสองดอลลาร์
ที่พอลต้องคิดเงินก็เพื่อไม่ให้ชายตาบอดรู้สึกเคอะเขิน เขายังทำเช่นนี้กับคนติดเหล้า
คนหนึ่งที่โผล่มาเป็นครั้งคราว พอล เป็นชายร่างเล็กที่สูง 5 ฟุต 1 นิ้วและหนักเพียง 120 ปอนด์
แต่หัวใจของเขายิ่งใหญ่นัก |
|
ธุรกิจของพอลคือน้ำมันมะพร้าวที่เขารักอย่างจริงจัง บทสนทนาของพอลถ้าไม่เริ่มต้น
ก็ต้องจบลงด้วยเรื่องน้ำมันมะพร้าว พอลมักพูดว่า "มะพร้าวเป็นราชาของอาหาร มะม่วงเป็นราชินี"
พอลเคยยกขวดน้ำมันมะพร้าวขึ้นพร้อมพูดว่า "ความลับของการมีสุขภาพดีอยู่ในขวดนี้
คนเป็นล้านทั่วโลกต้องตายไปเพราะเจ็บไข้หรือหิวโหย รู้แล้วก็ได้แต่เศร้าใจเพราะตัวผมมีคำตอบอยู่ในมือ" |
|
พอลไม่เคยมีกลิ่นตัวหรือกลิ่นปาก ซึ่งเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ เพราะตลอดเวลาที่รู้จักกันมา 25 ปี
พอลไม่เคยอาบน้ำฟอกสบู่เลย เขาใช้การนวดตัวด้วยน้ำมันมะพร้าวทุกวันตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าแทน
เขาจะดื่มมันเล็กน้อย ถ้าวันไหนรู้สึกไม่ดีก็จะดื่มมากหน่อย ด้วยสุขภาพและสภาวะทางร่างกายที่ดีเยี่ยม
บวกกับใบหน้าที่ไม่มีริ้วรอยแม้จะอยู่ในวัย 70-80 ปีของพอลเป็นตัววัดได้อย่างดีว่า
น้ำมันมะพร้าวของเขาให้ผลเช่นไร |
|
พอล ซอร์ซี่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 1998 ด้วยวัยอันน่าทึ่ง 102 ปี คนที่รู้จักต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน
ว่าเขาดูอ่อนวัยและกระฉับกระเฉงกว่าอายุ ยังคงง่วนกับการบดมะพร้าวเพื่อทำน้ำมันอย่างทะมัดทะแมง
ไปจนบั้นปลายชีวิต เป็นข้อยืนยันได้อย่างดีว่าน้ำมันมะพร้าวของเขาใช้ได้ผลเพียงไร
พอลนับว่าเป็นผู้ค้นพบยาอายุวัฒนะที่แท้จริง |
|
บางตอนของ The Miracle Man, Coconut Cures
เขียนโดย Bruce Fife N.D. จากคำบอกเล่าของ Jack DiSandro |
|
|
|
ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าว |
|
- ความหมายของคำว่าน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์บีบเย็น หรือกลั่นเย็น หรือสกัดเย็น
คำว่าน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์บีบเย็น, น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์กลั่นเย็น หรือน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์สกัดเย็น
ล้วนมีความหมายอย่างเดียวกัน มาจากศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Virgin Cold Pressed Coconut Oil
เป็นการผลิตน้ำมันมะพร้าวโดยไม่ใช้ความร้อนและไม่ใช้สารเคมี เพื่อรักษาสารที่มีประโยชน์
ในเนื้อน้ำมันมะพร้าว และป้องกันไม่ให้การจับตัวกันของโมเลกุลน้ำมันมะพร้าว
เปลี่ยนแปรไปจนเป็นโทษกับร่างกาย |
|
- น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์บีบเย็นขนานแท้จากธรรมชาติต้องเป็นไข
น้ำมันมะพร้าวธรรมชาติจะแข็งตัวหรือเป็นไข เมื่ออากาศหนาวเย็นที่อุณหภูมิต่ำกว่า 25°C
หากไม่แข็งตัวที่อุณหภูมิดังกล่าวแสดงว่า น้ำมันมะพร้าวขวดนั้นๆถูกผ่านกรรมวิธีด้วยความร้อน
หรือสารเคมี ที่ทำให้การจับตัวของโมเลกุลน้ำมันมะพร้าวเปลี่ยนแปลงไป |
|
- การอุ่นน้ำมันมะพร้าว
เมื่อน้ำมันมะพร้าวเป็นไข ให้นำขวดลงแช่ในน้ำอุ่นจัดแต่ไม่ถึงกับร้อน (บางท่านใช้วิธีเป่าด้วยไดร์เป่าผม)
น้ำมันมะพร้าวจะกลับมาเป็นของเหลวใสดังเดิม ข้อดีของการอุ่นน้ำมันมะพร้าวคือ
น้ำมันมะพร้าวอุ่นๆจะแทรกซึมผ่านผิวหนังและรูขุมขนได้ดีขึ้น |
|
- น้ำมันมะพร้าวประกอบด้วยกรดไขมันสายปานกลาง
เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวมีกรดไขมันที่มีคาร์บอนในโมเลกุลเพียง 8 - 12 ตัวเป็นส่วนมาก
ผิดกับน้ำมันชนิดอื่นๆที่เป็นกรดไขมันสายยาว คือมีคาร์บอนในโมเลกุลตั้งแต่ 14 ตัวขึ้นไป
ข้อดีของน้ำมันมะพร้าวที่เป็นกรดไขมันสายปานกลางก็คือ ย่อยง่าย เปลี่ยนเป็นพลังงานได้เร็ว
ไม่สะสมตามเซลล์ไขมันหรือเกาะตัวตามผนังหลอดเลือดเหมือนน้ำมันทั่วไป |
|
- กรดไขมันที่พบได้ในน้ำมันมะพร้าว
ในน้ำมันมะพร้าวประกอบด้วยกรดลอริค 47.5% กรดคาปริลิค 7.8% กรดคาปริค 6.7%
ที่เหลือเป็นกรดไขมันอีกหลายหลายชนิดอย่างละเล็กน้อย |
|
ตารางเปรียบเทียบกรดไขมันในน้ำมันมะพร้าวกับน้ำมันชนิดอื่น |
|
|
|
- น้ำมันมะพร้าวไม่ก่อให้เกิดสารก่อมะเร็งเมื่อถูกนำไปปรุงอาหารด้วยความร้อน
ด้วยความที่น้ำมันมะพร้าวเป็นไขมันอิ่มตัวไม่เสื่อมสภาพหรือแปรสภาพได้ง่าย
จึงไม่เปลี่ยนรูปเป็นไขมันทรานส์ที่เป็นสารก่อมะเร็งเมื่อต้องถูกกับความร้อน
หากนำไปใช้เป็นน้ำมันทอดอาหาร ซึ่งแตกต่างจากน้ำมันพืชชนิดอื่นๆ นอกจากนี้น้ำมันมะพร้าว
ยังมีอัตราการเกิดโพลิเมอร์ต่ำ หมายถึงสารเหนียวที่เกิดจากการทอดด้วยไฟแรง
และไม่เหม็นหืนง่ายเหมือนน้ำมันไม่อิ่มตัวทั่วๆไป |
|
- น้ำมันมะพร้าวไม่เป็นโทษกับร่างกาย
พอล ซอร์ซี่ ต้นตำรับของการทำน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์บีบเย็น บิดาของพอลเป็นแพทย์แผนโบราณ
พอลจึงรับประทานน้ำมันมะพร้าวมาแต่เล็กๆทุกวันวันละ 2 ช้อน ใช้น้ำมันมะพร้าวนวดตัว
ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าทุกวัน ปรุงอาหารทุกชนิดด้วยน้ำมันมะพร้าว (พอลเป็นพ่อครัวชั้นดี
เคยทำงานเป็นกุ๊กในโรงแรมหรูอย่าง วอลดอล์ฟแอสโตเรีย) พอลมีอายุยืนยาวถึง 102 ปี |
|
- น้ำมันมะพร้าวช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
หากร่างกายขาดแคลเซี่ยมและแม็กเนเซี่ยม จะทำให้กระดูกไม่แข็งแรง เกิดอาการกระดูกเปราะ
แตกหักง่าย การรับประทานน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซับแคลเซี่ยม
และแม็กเนเซี่ยม จึงเป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง |
|
- น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อ
น้ำมันมะพร้าวเมื่อแตกตัวเป็นกรดไขมันอิสระจะมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรค
การรับประทานน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำจะทำให้เชื้อโรคร้ายต่างๆในร่างกายของเราลดลง
ทำให้ไม่ค่อยเจ็บไข้ได้ป่วย การฆ่าเชื้อของน้ำมันมะพร้าวไม่เหมือนกับการฆ่าเชื้อด้วยยาปฎิชีวนะ
จึงไม่ทำให้เชื้อเกิดการดื้อยา นอกจากนี้น้ำมันมะพร้าวยังช่วยขับถ่ายพยาธิอีกด้วย |
|
- น้ำมันมะพร้าวช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง โรคหัวใจ และเบาหวาน
ด้วยเหตุที่น้ำมันมะพร้าวช่วยลดอนุมูลอิสระ อันเกิดจากการเสื่อมสภาพหรือการออกซิเดชั่นภายในร่างกาย
จึงช่วยลดการเสื่อมของหลอดเลือดหัวใจ ลดการเสื่อมของดวงตาในกรณีของโรคเบาหวาน
และลดอนุมูลอิสระที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง น้ำมันมะพร้าวจึงทำให้ร่างกายแข็งแรง
ไม่เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆด้วยเหตุนี้ |
|
- การรับประทานน้ำมันมะพร้าว
คำถามแรกที่ผู้เริ่มเรียนรู้ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวมักจะถามคือ ควรรับประทานน้ำมันมะพร้าว
ในปริมาณวันละเท่าไร? คำตอบคือ วันละเท่าไรก็ได้ที่คุณรู้สึกเหมาะสม แม้แต่วันละครึ่งช้อนก็มีประโยชน์
ขนาดที่แนะนำคือ 3½ ช้อนโต๊ะสำหรับผู้ใหญ่ทั่วๆไป เป็นปริมาณที่อัตราส่วนพอๆกับกรดไขมันสายปานกลาง
ธรรมชาติที่พบในน้ำนมแม่ ซึ่งเป็นปริมาณเพียงพอที่จะป้องกันทารกจากการติดเชื้อ การเจ็บไข้ได้ป่วย
และช่วยในการรับสารอาหารที่มีคุณค่าในสภาวะปกติทั่วๆไป โดยเฉลี่ยรับประทานคราวละน้อยตลอดทั้งวัน
จนครบจำนวน สำหรับผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักประมาณ 70กก. ปริมาณ 3½ ช้อนโต๊ะเป็นปริมาณที่เหมาะสม
ผู้ที่มีน้ำหนักน้อยกว่านี้สามารถลดปริมาณลง ½ ช้อนโต๊ะต่อน้ำหนักที่น้อยลง 10กก.
ส่วนผู้ที่มีน้ำหนักมากกว่า 70กก. รับประทานวันละ 4 ช้อนโต๊ะถือเป็นปริมาณที่เหมาะสม |
|
- น้ำมันมะพร้าวเหมาะจะใช้เป็นน้ำมันนวด
น้ำมันมะพร้าวเหมาะที่สุดที่จะใช้เป็นน้ำมันนวด (massage therapy) เนื่องจากคุณสมบัติในการฟื้นฟูของมัน
ช่วยให้ผิวหนังมีสุขภาพแข็งแรงดูมีน้ำมีนวล และยัง ช่วยผ่อนคลาย ลดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ
ที่สำคัญไม่ทำให้เสื้อผ้าเปื้อน จึง ไม่ทำให้ที่นอนหรือผ้าปูที่นอนเสียหาย หากแม้คุณทำหกบนที่นอน
รอยเปื้อนจะต่างจากรอยเปื้อนของน้ำมันอื่น น้ำมันมะพร้าวอย่างเดียวก็เหมาะจะใช้เป็นน้ำมันนวด
อย่างไรก็ตาม น้ำมันมะพร้าวร่างกายสามารถดูดซับได้ง่าย ผู้นวดหลายคนจึงผสมน้ำมันมะพร้าวกับน้ำมัน
ไม่อิ่มตัวเชิงเดียวชั้นดีอย่างน้ำมันอัลมอนด์ ในอัตราส่วน น้ำมันอัลมอนด์ 1 ส่วนต่อน้ำมันมะพร้าว 2 ส่วน
ซึ่งทำให้น้ำมันมีความเรียบลื่นขึ้นเมื่อนวดผ่านผิวหนัง |
|
- สามารถใช้น้ำมันมะพร้าวนวดบรรเทาปัญหาข้ออักเสบ
ปัญหาข้ออักเสบ ขัด บวม และเจ็บปวด สามารถบรรเทาได้โดยการใช้น้ำมันมะพร้าวทาให้ชุ่ม
และนวดตรงบริเวณที่มีปัญหาเป็นประจำหรืออาจใช้ผ้าพันไว้ อาการบวมจะลดลง
และความเจ็บปวดก็จะลดลงด้วย |
|
เอกสารอ้างอิง
- น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์สกัดเย็น (Virgin coconut oil) มีการผลิตและจำหน่ายแพร่หลายในท้องตลาด
โดยเฉพาะประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ฟิลิปปิน มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย / Marina AM,
Che Man YB, Amin I. Virgin coconut oil: Emerging functional food oil. Trends in Food Science
& Technology. 2009; 20: 481-7.
- น้ำมันมะพร้าวประกอบด้วยกรดไขมันอิ่มตัว 90% (saturated fatty acid) ซึ่งเป็นกรดลอริค
( Lauric acid ) 45-48% และเป็นกรดไขมันชนิดสายสั้น และสายกลาง 30-36% / Wang LL, Yang BK,
Parkin KL, Johnson EA. Inhibition of Listeria monocytogenes by monoacylglycerols
synthesized from coconut oil and milkfat by lipase-catalyzed glycerolysis.
Journal of Agricultural and Food Chemistry. 1993;41:1000-5.
- น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ในทางการแพทย์ โดยมีการใช้น้ำมันมะพร้าวในการบรรเทาอาการจากแผลไฟไหม้
(Burn wound) / Chaichit C. Thai Herbs and Herbal Products. Bangkok:
Srimuang Printing Co.; 2004.
- น้ำมันมะพร้าวจะมีบทบาทช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย พบว่ากรดลอริคในน้ำมันมะพร้าว
เป็นสารตั้งต้นของโมโนลอรินที่มีบทบาทในการเพิ่มจำนวนของเซลล์ภูมิคุ้มกัน
(Immune cell proliferation) / Witcher KJ, Novick RP, Schlievert PM. Modulation of immune
cell proliferation by glycerol monolaurate. Clin Diagn Lab Immunol. 1996;3:10-3.
- น้ำมันมะพร้าวมีบทบาทในการต้านการอักเสบ (Anti-inflammation) ลดอาการปวด (Analgesic)
ลดไข้ (Antipyretic) / Intahphuak S, Khonsung P, Panthong A. Anti-inflammatory, analgesic,
and antipyretic activities of virgin coconut oil. Pharm Biol. 2010;48:151-7. |
|
|
|
|