|
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำสมุนไพรจีนสกัด ตรา "Tai How "
ปริมาตรสุทธิ : 730 มิลลิลิตร / ขวด |
เลข ทะเบียน อย. |
|
|
|
|
|
|
|
เกร็ดน่ารู้สมุนไพร สำหรับท่านสุภาพสตรี |
|
ชื่อสมุนไพร |
สรรพคุณ |
|
|
|
C โสมคน |
Panax Ginseng (C.A.MEY) |
|
|
|
|
|
|
|
C ตังกุย |
Angelica Sinensis (OLIV.) |
|
|
|
|
|
|
A เซ็กตี่ |
Rehmannia Glutinosa |
|
|
|
|
|
|
C โต๋วต๋ง |
Eucommia Ulmoides (OLIV.) |
|
|
|
|
|
|
A โกฐหัวบัว |
Coino solinum
Unvittatum Turcz |
|
|
|
|
|
|
B โหงวบี |
Schisandra Chinessis Baill |
|
|
|
|
|
|
A ปักคี้ |
Astragalus Membranacaus |
|
|
|
|
|
|
C ฮกเหลง |
Poria Cocos Wolf |
|
|
|
|
|
|
C เน็กกุย |
Cinnamomum Easoia |
|
|
|
|
|
|
C ไข่มุก |
Pteria Margaritifera (L.) |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
B งู่ฉิก |
Achyranthes Bidentata
Blume |
|
|
|
|
|
|
|
เป็นยาบำรุงกำลังชั้นดี ช่วยให้สมองแจ่มใส |
แก้อาการเหนื่อยอ่อนแรง |
บำรุงกระเพาะอาหาร ลดน้ำตาลในเลือด |
ลดอาการช็อคจากโรคภูมิแพ้ |
และยับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็ง |
|
|
ช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของโลหิต แก้บวม |
ปวดประจำเดือน ประจำเดือนมาไม่ปกติ |
|
|
|
บำรุงโลหิต บำรุงไต บำรุงไขกระดูก |
ป้องกันร้อนใน กระหายน้ำ ป้องกันการเจ็บฟัน |
เหงือกอักเสบ
และป้องกันเลือดกำเดาไหล |
|
|
บำรุงตับ ไต ช่วยให้เอ็นและกระดูกแข็งแรง |
แก้ปวดหลัง ช่วยขับปัสสาวะ |
|
|
|
ระงับประสาท ลดอาการกล้ามเนื้อเกร็ง |
ขยายหลอดเลือด ช่วยไม่ให้เครียด |
ทำให้หลับลึก หลับนาน |
|
|
บำรุงร่างกาย บำรุงหัวใจ บำรุงประสาท บำรุงปอด |
ช่วยให้ร่างกายสดชื่น แข็งแรง |
|
|
|
บำรุงหัวใจ บำรุงเลือดลม เสริมภูมิต้านทานโรค |
แก้อาการหน้าซีด หอบ อ่อนล้า ไม่มีเรี่ยวแรง |
และช่วยบำรุงกระเพาะปัสสาวะ |
|
|
บำรุงร่างกาย ระงับประสาท ขับปัสสาวะ |
และเสริมสมรรถภาพทางเพศ |
|
|
|
บำรุงหัวใจ ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนของโลหิต |
ทำให้ร่างกายสดชื่นแข็งแรง |
|
|
|
รักษาแผล ลดรอยแผลเป็น |
ป้องกันผิวหนังเหี่ยวย่น |
ช่วยให้ผิวขาวใสนุ่มเนียน |
และเสริมสมรรถภาพของสายตา |
|
บำรุงกระเพาะอาหาร ช่วยระบบการย่อยอาหาร |
ท้องไม่อืดเฟ้อ และช่วยขับปัสสาวะ |
|
|
|
|
ช่วยระบบการไหลเวียนโลหิต บำรุงเส้นเอ็น |
ช่วยกระจายเลือดคั่ง ทำให้กระฉับกระเฉง |
มีกำลังไม่อ่อนเพลีย |
|
|
บำรุงตับ ไต กระดูกและเส้นเอ็น |
ช่วยกระจายเลือดคั่ง |
ลดอาการปวดบวม อาการฟกช้ำ |
|
|
|
|
เอกสารอ้างอิง
A คัดลอกจาก หนังสือ 100 ยาจีน บำรุงสุขภาพ แปลโดย อดุลย์ รัตนมั่นเกษม
B คัดลอกจาก หนังสือ 100 ยาจีน อายุวัฒนะ แปลโดย อดุลย์ รัตนมั่นเกษม
C คัดลอกจาก หนังสือยาจีน (คู่มือสมุนไพรและตำรายาบำรุงของจีน)
แปลโดย วีระชัย มาศฉมาดล และทัศนีย์ เมฆอริยะ
D คัดลอกจาก จงกว๋อ เฮี้ยว วู้ ด้า เซวียน
(หนังสือซึ่งรวบรวมสาระสำคัญในตัวยาสมุนไพรจีนแผนโบราณ ไว้ทั้งหมด)
รวบรวมโดย สมาคมแพทย์แผนโบราณในประเทศจีน
|
|
|
|
อาการตกขาว คืออะไร |
|
ตกขาวคืออะไร?
ตกขาว (Leucorrhoea หรือ Vaginal Discharge) คือ ภาวะที่มีของเหลว ลักษณะขาวใส หรือ มูกใสสีขาวปริมาณเล็กน้อย
ไหลออกมาจากช่องคลอด ซึ่งเป็นภาวะปกติที่เกิดจากเยื่อบุผิวผนังด้านในช่องคลอดจะสร้างเยื่อเมือก
ซึ่งมีลักษณะคล้ายแป้งออกมาเพื่อช่วยหล่อลื่นช่องคลอด รวมถึง ช่วยป้องกันเชื้อโรคและขับสิ่งแปลกปลอมออกมาจากช่องคลอด |
สำหรับอาการที่มีเมือกเหลวไหลออกมาจากช่องคลอดของผู้หญิงโดยไม่ใช่เลือดประจำเดือน
เมือกนี้ถูกขับออกจากปากมดลูก
มายังช่องคลอด
เพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้บริเวณช่องคลอด
และช่วยป้องกันการติดเชื้อภายในช่องคลอด โดยตกขาวปกติจะมีสีขาวหรือใส และไม่มีกลิ่นเหม็น
ส่วนตกขาวที่มีสีเทา สีเขียว สีเหลือง สีชมพู หรือมีเลือดปน และส่งกลิ่นเหม็นคล้ายเนื้อเน่า
จะเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นภายใน |
|
ตกขาวเกิดขึ้นในช่วงไหนได้บ้าง?
โดยปกติ เมือกใสนี้จะถูกขับออกมาในแต่ละรอบเดือน ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน
และโปรเจสเตอโรนในร่างกายเปลี่ยนแปลงสภาพไป เช่น ในช่วงกลางของรอบเดือนช่วงเวลาใกล้ไข่ตกน้ำเมือก
ในช่องคลอดจะเหลวใส ปริมาณมาก ส่วนช่วงเวลาอื่นๆ น้ำเมือกจะขุ่นข้นคล้ายแป้ง
ซึ่งมีปริมาณมากน้อยแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ซึ่งอาการนี้เป็นอาการตกขาวปกติ ซึ่งเกิดขึ้นได้ในสตรีทุกคน
ในช่วงเวลาไข่ตกหรือใกล้มีรอบเดือนนั่นเอง |
|
อาการแบบไหนที่เรียกว่าตกขาวผิดปกติ?
อาการตกขาวผิดปกติ คือ ภาวะที่น้ำเมือกมีลักษณะแตกต่างไปจากเดิม เช่น มีปริมาณขาวขุ่นมากผิดปกติ มีกลิ่นเหม็น
และเป็นอยู่นาน รวมถึงตกขาวที่มีสีผิดปกติ เช่น ปนมูกเลือด ปนหนอง มีสีกลิ่นผิดปกติ มีฟอง บางรายมีกลิ่นเหม็นคาว
เหม็นเน่า มีกลิ่นอับ เหม็นเค็มคล้ายปลาเค็ม หรือ กลิ่นเหม็นเปรี้ยว ร่วมกับอาการผิดปกติอื่นๆ เช่น มีอาการคัน
มีอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณปากช่องคลอด ปวดท้องน้อย หรือมีอาการปัสสาวะแสบขัด หากเป็นแล้วควรพบแพทย์ทันที |
|
อาการของตกขาว
สีของตกขาวสามารถบ่งบอกสาเหตุและอาการปกติได้ดังนี้ |
** ตกขาวปกติ**
- มีสีขาวหรือใส และไม่มีกลิ่นเหม็น
- ตกขาวจะใสและมีปริมาณมากในช่วงวันที่มีการตกไข่
ส่วนในช่วงที่เป็นประจำเดือน ตกขาวจะหนาและเหนียวข้น
- ในระหว่างการตั้งครรภ์ ผู้หญิงจะมีตกขาวมากกว่าปกติ
- หลังวัยหมดประจำเดือน ผู้หญิงจะมีตกขาวน้อยลง |
** ตกขาวที่ผิดปกติ **
- มีสีที่ต่างไปจากเดิม เช่น สีเทา สีเขียว สีเหลือง สีชมพู สีน้ำตาลหรือตกขาวมีเลือดปน
และมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ คล้ายกลิ่นเนื้อหรือปลาเน่า
- ตกขาวเป็นก้อนหนา หรือมีตกขาวมากผิดปกติ
- มีอาการอื่นปรากฏร่วมกับตกขาว เช่น มีอาการคันหรือเจ็บปวดบริเวณปากช่องคลอด
เจ็บปวดตอนปัสสาวะ มีเลือดที่ไม่ใช่ประจำเดือนไหลออกจากช่องคลอด |
|
การวินิจฉัยตกขาว
ปกติแล้ว อาการตกขาวเป็นกลไกตามธรรมชาติของร่างกายเพศหญิง แต่หากพบว่ามีตกขาวที่ผิดปกติ
ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา โดยแพทย์จะซักประวัติสุขภาพ การรักษา การใช้ยา
การเจ็บป่วยที่ผ่านมาหรือที่เป็นอยู่ ประวัติการมีเพศสัมพันธ์ และสอบถามเกี่ยวกับอาการตกขาวที่พบ
เช่น สีและกลิ่นของตกขาว อาการที่พบร่วมกับตกขาว อย่างอาการคัน เจ็บปวด
หรือมีแผลบริเวณช่องคลอด และช่วงเวลาที่เริ่มมีตกขาวผิดปกติ |
หากพบสัญญาณความผิดปกติ แพทย์จะตรวจร่างกายภายใน
แล้วจึงนำตัวอย่างตกขาวไปตรวจ หรืออาจใช้วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Pap Test)
ในกรณีที่สงสัยว่าอาจป่วยเป็นมะเร็ง ซึ่งแพทย์จะใช้เครื่องมือสอดเข้าทางช่องคลอด
เพื่อป้ายเซลล์จากบริเวณปากมดลูกแล้วส่งตรวจตัวอย่างเนื้อเยื่อหาการติดเชื้อ |
|
ภาวะแทรกซ้อนของตกขาว
ตกขาวที่ผิดปกติอาจมีอาการที่แสดงออกมาเนื่องจากการติดเชื้อและการเจ็บป่วยของโรค เช่น |
- คัน บวม เจ็บปวด หรือมีแผลบริเวณช่องคลอดและปากช่องคลอด
- มีเลือดที่ไม่ใช่เลือดประจำเดือนไหลออกมาจากช่องคลอด
- เจ็บปวดในขณะปัสสาวะ ปวดบริเวณท้องน้อย
- เจ็บปวดในขณะมีเพศสัมพันธ์
- การติดเชื้ออาจแพร่จากแม่สู่ลูกได้ในการคลอด
- การติดเชื้ออาจแพร่ลามไปยังอวัยวะในระบบสืบพันธุ์อื่น ๆ อาจทำให้เกิดภาวะมีลูกยาก
- การติดเชื้ออาจทำให้เกิดการอักเสบลุกลาม เรื้อรัง และส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรงในระบบสืบพันธุ์
เช่น มดลูก และรังไข่
- ตกขาวที่เกิดจากการมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ภายในมดลูกหรือช่องคลอด
- อาจนำไปสู่อาการช็อกเฉียบพลันจากการที่พิษเข้าสู่กระแสเลือด (Toxic Shock Syndrome)
ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที |
|
คัดลอกข้อมูลบางส่วนจาก : https://www.pobpad.com/ตกขาว
|
คัดลอกข้อมูลบางส่วนจาก : https://www.honestdocs.co/what-is-the-smell-of-vaginal-discharge |
|
|
|
ภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง |
|
ความหมาย ภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง |
Dystonia หรือภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง เป็นภาวะที่กล้ามเนื้อมีการเคลื่อนไหวผิดปกติโดยไม่สามารถควบคุมได้
โดยผู้ป่วยจะมีอาการกล้ามเนื้อบิดเกร็งที่บริเวณอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง หลายส่วน หรือทุกส่วนของร่างกายซ้ำ ๆ
จนส่งผลให้อวัยวะของกล้ามเนื้อมัดนั้นผิดรูปไปได้ ทั้งอาจก่อให้เกิดอาการเจ็บปวดจนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะนี้อาจมาจากหลายปัจจัย เช่น พันธุกรรม ความผิดปกติของสมอง สารพิษ
โรคหรืออาการเจ็บป่วยต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งมักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย เป็นภาวะที่เกิดขึ้นในระยะยาว
และยังไม่มีวิธีการรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้ |
|
อาการของภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง |
ภาวะ Dystonia อาจเกิดขึ้นได้กับคนทุกช่วงวัย โดยผู้ป่วยภาวะนี้อาจมีอาการกล้ามเนื้อบิดเกร็ง
หรือเป็นตะคริวที่บริเวณอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายอย่างควบคุมไม่ได้ เช่น คอ มือ ขา เปลือกตา ขากรรไกร
ลิ้น กล่องเสียง และเส้นเสียง เป็นต้น โดยอาจเกิดขึ้นที่บริเวณอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งหรือมากกว่านั้น
ซึ่งอาจมีความรุนแรงน้อยจนไปถึงรุนแรงมากและมักพัฒนาขึ้นตามระยะ
ซึ่งผู้ป่วยอาจมีอาการที่สามารถสังเกตได้ ดังนี้ |
|
- มีอาการสั่น
- ควบคุมการกะพริบตาไม่ได้ ตากระตุก และตาแห้ง
- คอบิดเกร็งไปทางด้านใดด้านหนึ่ง
- พูดลำบาก น้ำลายไหล พบปัญหาในการเคี้ยว และการกลืน
- เสียงพูดเบาลงจนคล้ายเสียงกระซิบ
- เดินลากขา หรือเป็นตะคริวที่เท้า
- ปลายเท้าบิดเข้าด้านใน
- เป็นตะคริวที่มือหรือปลายแขนเมื่อทำกิจกรรมที่ต้องใช้มืออย่างการเขียนหนังสือ
หรือการเล่นดนตรี |
|
ทั้งนี้ อาการของ Dystonia อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหรืออาจมีอาการเป็นพัก ๆ แล้วหาย
โดยอาการดังกล่าวอาจรุนแรงขึ้นเมื่อผู้ป่วยรู้สึกเครียด วิตกกังวล หรืออ่อนเพลีย
และอาจเห็นได้ชัดเจนขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป |
|
สาเหตุของภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง |
แม้ในปัจจุบันทางการแพทย์จะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของ Dystonia
แต่มีข้อสันนิษฐานว่าภาวะนี้อาจเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้ |
|
- ความผิดปกติของระบบประสาทบริเวณส่วนต่าง ๆ ของสมอง
- ความผิดปกติของสมองส่วนเบซัลแกงเกลีย (Basal Gangilia) ซึ่งมีผลต่อการหดตัวของกล้ามเนื้อ
- การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
- การขาดออกซิเจน
- ปฏิกิริยาตอบสนองต่อการใช้ยาบางชนิด
- การได้รับสารพิษบางชนิดอย่างก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ และโลหะหนักอย่างตะกั่ว
- การติดเชื้อบางชนิด เช่น วัณโรค และโรคไข้สมองอักเสบ เป็นต้น
- โรคหรือการเจ็บป่วยต่าง ๆ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคพาร์กินสัน โรคฮันติงตัน โรควิลสัน
ภาวะสมองบาดเจ็บ การบาดเจ็บจากการคลอด โรคสมองพิการ โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง เนื้องอกในสมอง และกลุ่มอาการที่เป็นผลจากโรคมะเร็ง เป็นต้น |
|
ภาวะแทรกซ้อนของภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง |
ภาวะ Dystonia อาจส่งผลต่อร่างกายของผู้ป่วยอย่างมากจนอาจทำให้ประสิทธิภาพในการทำงาน
หรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันลดลงได้ ผู้ที่ประสบภาวะนี้อาจพบปัญหาในการมองเห็น
การพูด การกลืน และการเคลื่อนไหวบริเวณขากรรไกร ทั้งอาจมีอาการปวดหรืออ่อนเพลีย
จากการหดตัวของกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ภาวะนี้อาจส่งผลต่อสภาพจิตใจของผู้ป่วย
โดยผู้ป่วยอาจเก็บตัวหรือแยกตัวออกจากสังคม และอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ |
|
การป้องกันภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง |
- รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง เพื่อป้องกันโรคหรือภาวะต่าง ๆ ที่อาจเป็นสาเหตุของภาวะนี้
- ระมัดระวังอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่อาจทำให้ได้รับบาดเจ็บที่สมอง
- หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่อาจเสี่ยงต่อการได้รับสารพิษบางชนิดอย่างก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์
และโลหะหนักอย่างตะกั่ว
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ไม่จำเป็น เนื่องจากยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดภาวะนี้ได้
- รีบไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการใด ๆ ที่เป็นสัญญาณของภาวะนี้ |
|
คัดลอกข้อมูลบางส่วนและภาพจาก : https://www.pobpad.com/ภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง |
|
|
|
CALL CENTER : 084-467-7810
E-mail : ceo424d@hotmail.com |
|
|
กาแฟคอลลาเจน , กาแฟลดน้ำหนัก , บอนแบค , bonboack
บริษัท ไก่ดำมหากิจ นิคมอุตสาหกรรมบางพลี ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ 10540
บริษัท ไดนาฟูด จำกัด , อาหารเพื่อสุขภาพ , เอเซียโอสถ 2 , นางเบญญาภา โกมลกิติกุล , ผลิตอาการเสริม , ยาแผนโบราณ
, เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ , ขนมอัดเม็ด , อาหารสำเร็จรูป , daina food , M one , เอ็ม วัน , 12-2-00129-1-0233 ,
M 1 , M.1 (DIETARY SUPPLEMENT PRODUCT) , เอ็ม.วัน (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร) |